แนะเอ็มโอยูต่างด้าว

กระทรวงแรงงานแนะนายจ้างเอ็มโอยูลูกจ้างกัมพูชา หลังพิสูจน์สัญชาติทะลักกว่า 2 แสนราย ลดเข้ากระบวนการไม่ทันเวลาวันที่ 31 ธ.ค.นี้

นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานเตรียมปรับแผนกลยุทธ์กระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว โดยแนะนำให้นายจ้างนำแรงงานกลุ่มผ่านความคัดกรองความสัมพันธ์การเป็นนายจ้าง-ลูกจ้าง (ใบจับคู่) เข้าสู่กระบวนการนำเข้าตามระบบลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ร่วมกัน

ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหายอดแรงงานกัมพูชากลุ่มผ่านใบจับคู่ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการพิสูจน์สัญชาติ คงเหลือกว่า 2 แสนคน โดยกระทรวงคาดว่าจำนวนดังกล่าวจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันกำหนดเวลาในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานกัมพูชาจำนวน 3 ศูนย์ ที่เปิดให้บริการ สามารถพิสูจน์ได้วันละประมาณ 1,400 คน

"ทางการกัมพูชาจะได้พิจารณาเพิ่มจำนวนในการดำเนินการให้มากขึ้น เพื่อให้ทันตามกำหนดระยะเวลา ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกำหนดเวลา ขอให้นายจ้างปรับการทำระบบเอ็มโอยูก่อน รวมถึงวางแผนการบริหารจัดการอัตรากำลังทดแทน เช่น จ้างคนไทย หรือใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรทดแทนการใช้แรงงาน ปรับกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตภาพ" นายวรานนท์ กล่าว

สำหรับจุดบริการพิสูจน์สัญชาติกัมพูชามี 3 แห่ง ได้แก่ 1 กรุงเทพมหานคร บริเวณอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 4 เลขที่ 2539 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง พื้นที่ที่ 2 จ.ระยอง ที่ มา'ยอง โอท็อป เลขที่ 201 หมู่ 7 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา และ 3 จ.สงขลา ที่ตลาดฟุกเทียน เลขที่ 99 หมู่ 3 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่

นายวรานนท์ กล่าวว่า ขั้นตอนดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,400 บาท/คน แบ่งเป็น เป็นค่าธรรมเนียมเอกสารการเดินทาง จำนวน 2,350 บาท ค่าตรวจลงตรา (วีซ่า) 500 บาท ค่าตรวจสุขภาพ 500 บาท ค่าประกันสุขภาพ 500 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน 550 บาท โดยต้องชำระผ่านศูนย์พิสูจน์สัญชาติเท่านั้น ไม่สามารถจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส (เซเว่นอีเลฟเว่น) หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานจัดหา

บรรยายภาพ -   รายงานตัว : บรรยากาศการลงชื่อของแรงงานชาวกัมพูชากลุ่มผ่านการคัดกรองความสัมพันธ์การเป็นนายจ้าง-ลูกจ้าง (ใบคู่) เพื่อเข้าสู่การพิสูจน์สัญชาติ พร้อมดำเนินการตามกระบวนการก่อนทำงานในประเทศไทย