posttoday

บช.ทท.กับภารกิจ ยกระดับความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

20 ตุลาคม 2560

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะกำกับดูแลนโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ มีแนวคิดเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พิจารณาผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยเป็นวาระแห่งชาติ

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะกำกับดูแลนโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศ มีแนวคิดเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) พิจารณาผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการกันอย่างเข้มแข็ง ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย สร้างความอุ่นใจให้กับคนไทยและชาวต่างชาติอุ่นใจตลอดระยะเวลาการเดินทางในไทยไม่แพ้ความรู้สึกปลอดภัยเทียบเท่าญี่ปุ่น

การก่อตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) ถือเป็นอีกเครื่องมือยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวของประเทศให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น รวมถึงการล้างภาพลักษณ์การเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ปลอดภัยนักสำหรับนักท่องเที่ยวให้หมดโดยเร็ว

พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว  กล่าวว่า การยกฐานะกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวขึ้นเป็นกองบัญชาการครั้งนี้ สะท้อนได้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ที่ถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักให้กับระบบเศรษฐกิจประเทศ โดยปีนี้มีรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 2.7 ล้านล้านบาท และปี 2561 เพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท โดยรายได้ทางการท่องเที่ยวที่เติบโตมาพร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปัจจุบันมาไทยใกล้ถึง 35 ล้านคนแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดทัพปรับกลยุทธ์การทำงานให้สอดคล้องกับการเติบโตดังกล่าว

ทั้งนี้ บช.ทท.อยู่ระหว่างขยายอัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเพิ่มกว่าเท่าตัว ประมาณ 4,000 นาย เทียบจากปัจจุบันกว่า 2,000 นาย โดยโครงสร้างการทำงานแบ่งเป็นฝ่ายอำนวยการ และฝ่ายปฏิบัติการ บก.ทท.1-บก.ทท.3 ครอบคลุมการปฏิบัติงานพื้นที่ทั่วไทย

“การสร้างเครือข่ายอาสาสมัครในระดับชุมชน เพื่อให้คนในพื้นที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว การส่งเสริมให้คนในชุมชนร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี ช่วยรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสร้างมิตรไมตรีกับผู้มาเยือน พร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว จะเป็นเครื่องป้องกันการเกิดเหตุร้ายกับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี” พล.ต.ท.สาคร กล่าว

สำหรับแผนการบริหารจัดการ เน้นใน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การป้องกันเหตุในเชิงรุก นอกจากการขอเพิ่มกำลังอัตรา บช.ทท.ได้เพิ่มอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน เช่น เรือ 20 ลำ จากเดิมมี 10 ลำ เฮลิคอปเตอร์อีก 6 ลำ เพื่อการเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกรณีเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว

2.การปราบปรามบริษัททัวร์ที่กระทำความผิด ซึ่งล่าสุดได้ประชุมหารือร่วมกับบริษัททัวร์ รถเช่า ถึงแนวทางการทำงานของ บช.ทท.พร้อมแจ้งเตือนทัวร์ที่ทำผิดกฎหมายให้เร่งปรับตัวประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและ 3.การโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว ถึงภารกิจหน้าที่สำคัญหลักของตำรวจท่องเที่ยว จะให้ความช่วยเหลือดูแลนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ การอำนวยความสะดวกผ่านช่องทางต่างๆ ให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลด้วย ซึ่งในอนาคตเตรียมออกแอพพลิเคชั่นดูแลและการแจ้งเหตุให้นักท่องเที่ยว

“ตำรวจท่องเที่ยวเตรียมรวบรวมรายละเอียดการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งหมด การศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมาไทย พร้อมปรับแนวทางการดูแลป้องกันการเกิดเหตุ เช่น คนจีน มองสัญลักษณ์ธงแดงเขตพื้นที่อันตรายเป็นธงนำโชคมากกว่าการแจ้งเหตุ การเพิ่มภาษาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และล่ามให้เพียงพอกับภาษาหลัก เป็นต้น” พล.ต.ท.สาคร กล่าว

นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนผลักดันให้ บช.ทท.เป็นต้นแบบตำรวจท่องเที่ยวในอาเซียนด้วย เพราะขณะนี้มีหลายประเทศขอศึกษาดูงานกับ บช.ทท.จำนวนมาก เช่น จีน เมียนมา เป็นต้น