ไอที-สมาร์ทโฟน ธุรกิจรุ่งในเมียนมา

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

หลังจากเมียนมาประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลทหาร และมีกฎหมายส่งเสริมการลงทุน จึงทำให้เมียนมาเป็นประเทศที่น่าจับตามองว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไป จะแก้ปัญหาต่างๆ และพัฒนาประเทศได้เร็วแค่ไหน

เมื่อมีการเปิดให้มีการเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น แน่นอนว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศ เพราะในยุคของไอโอที (Internet of Things) อินเทอร์เน็ตมีส่วนสำคัญในการเชื่อมต่อข้อมูลและการสื่อสารบนโลกใบนี้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่รัฐบาลเมียนมาเปิดให้สัมปทานบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้การใช้มือถือสมาร์ทโฟนของคนเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากแต่ก่อนที่เมียนมามีจำนวนคนใช้โทรศัพท์มือถือแทบจะน้อยที่สุดในโลก กลายมาเป็นมีผู้ใช้งาน 6-7 ล้านคน ในเวลา 2 ปีและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อก่อนราคาซิมการ์ดในเมียนมาสูงถึง 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 บาทเท่านั้น นอกจากนี้รัฐบาลเมียนมายังได้ปรับเพิ่มเงินเดือนของข้าราชการขึ้นถึง 50% ส่งผลให้ภาคเอกชนต้องเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานในบริษัทตาม กำลังซื้อของคนเมียนมาจึงมากขึ้น เหตุนี้จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

“ไอทีเป็นสิ่งที่กำลังเติบโตคู่กับแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจเมียนมา เพราะมีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเป็นสินค้าที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจในยุคโลกไร้พรมแดน นอกจากนี้กระแสอี-คอมเมิร์ซกำลังมาแรงในเมียนมา ซึ่งก็ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้มากยิ่งขึ้น” ข้อมูลจาก สคร.ย่างกุ้ง ระบุ

ทั้งนี้ ภาครัฐของเมียนมาเองก็มีการส่งเสริมการนำเข้าสินค้าไอทีที่กำลังเป็นที่นิยมทั้งรูปแบบการนำเข้าทางตรงและการกระจายสินค้าตามชายแดน โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของกลุ่มสินค้าอุปกรณ์ไอทีอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวเมียนมารุ่นใหม่กล้าเปิดรับ กล้าลอง ทันสมัย ติดโซเชียล ชอบชีวิตสะดวกสบาย นิยมเดินห้าง และชื่นชอบการสังสรรค์ ทำให้สินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนเป็นที่ต้องการมากขึ้น

สำหรับโอกาสในเมียนมานั้น การที่เมียนมาเปิดกว้างรับสินค้าใหม่ๆ อาจทำให้ผู้ประกอบการไทยเจอการแข่งขันที่รุนแรงทั้งสินค้าจากจีน อินเดีย ญี่ปุ่น หรือแม้แต่จากยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ในมุมมองของผู้บริโภคชาวเมียนมายังเชื่อมั่นว่า สินค้าจากไทยมีคุณภาพและราคาไม่สูงจนเกินไป อีกทั้งยังมีความคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน จึงเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่ทำให้ไทยมีโอกาสสูงในการเข้าไปเจาะตลาดกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้นั้น จะต้องศึกษาข้อมูลตลาดเพื่อให้เข้าใจความต้องการและแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเมียนมาอย่างแท้จริง เพื่อนำไปช่วยในการวิเคราะห์วางแผนตลาดได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ทั้งในด้านของการเลือกใช้สื่อและแคมเปญที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอ รวมถึงประเด็นหลักๆ ในการใช้บริการด้านการสื่อสารเพื่อให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าและบริการนั้นๆ มาตอบโจทย์ความต้องการ โดยเฉพาะในยุคที่การใช้สื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นอย่างในวันนี้