จับคู่ธุรกิจไทย-กัมพูชา

สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชาเดินหน้าส่งเสริมช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี พร้อมดันความสัมพันธ์ 2 ชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นายสุพล มณีพงษ์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะกรรมการสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา เปิดเผยถึงแผนงานประจำปี 2560-2561 ในระหว่างการประชุมสมาคมฯ ประจำปี ว่า ได้มีแผนงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ตามที่ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ 5 ฝ่าย อาทิ สสว. และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เมื่อ วันที่ 27 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย และต่อมาได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2560 เพื่อร่วมมือกันส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ขณะนี้สมาคมมีแผนงานที่จะร่วมกับกลุ่มหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ จัดการสัมมนาและการจับคู่ทางธุรกิจ ให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่เป็นลูกค้าของเอสเอ็มอีแบงก์และเอ็กซิมแบงก์ รวมทั้งผู้ประกอบการไทยรายอื่นๆ ที่สนใจ ในช่วงเดือน พ.ย. 2560 ที่กรุงพนมเปญ

ด้าน พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา กล่าวว่า กิจกรรมที่สมาคมได้ดำเนินการไปแล้วมีหลายมิติและครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ประเพณีวัฒนธรรม และกีฬา ซึ่งไทย-กัมพูชา มีความสัมพันธ์อันดีร่วมกันมา 67 ปี แม้บางช่วงจะมีปัญหาต่อกัน และในขณะเดียวกัน ไทยและกัมพูชามีประวัติศาสตร์รวมถึงรูปแบบการดำรงชีวิตของประชาชนคล้ายคลึงกัน ทำให้ระดับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศสามารถผ่านปัญหาต่างๆ มาได้ด้วยดี

อย่างไรก็ดี โลกปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงสลับซับซ้อนมากขึ้น เป็นโลกดิจิทัล ดังนั้น เพื่อรับมือการเปลี่ยนทั้งในปัจจุบันและอนาคต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และสมาคมจึงได้นำผู้นำรุ่นใหม่ของไทยและกัมพูชามาพบปะเพื่อสร้างมิตรภาพและความสัมพันธ์

นอกจากนี้ สมาคมยังมีแนวคิดขยายกิจกรรมอื่นๆ เช่น การจัดประเพณีต่างๆ ซึ่งจะได้หารือกับสมาคมที่เกี่ยวข้องต่อไป

บรรยายภาพ -  มิตรภาพไทย-กัมพูชา : พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกิตติมศักดิ์สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ นายกสมาคม ร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 ของสมาคมเพื่อดำเนินการส่งเสริมการดำเนินการทางธุรกิจและความสัมพันธ์ของสองประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ