โชว์เคส 1115 หนุนปลอดภัยนักท่องเที่ยว

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์

ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เป็นปัจจัยในอันดับต้นๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจแพ็กกระเป๋าปักหมุดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ในช่วงที่รัฐบาลเกือบทุกประเทศต่างใช้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของตัวเอง

ขณะที่การรักษาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันเฝ้าระวังโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนข้อมูลข่าวสารออกมาอย่างรวดเร็ว กรณีนักศึกษาหนุ่มชาวจีนโวยผ่านสื่อโซเชียล มีเดียถูกแท็กซี่ไทยโกงค่าโดยสารพร้อมร้องเรียนผ่านสายด่วน 1155 ตำรวจท่องเที่ยวและไม่ได้รับการเหลียวแลให้ความช่วยเหลือตามข่าวก่อนหน้านี้

พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ตร.ทท.) เล่าว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นกรณีศึกษาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เกิดจากการสื่อสารคลาดเคลื่อน ซึ่งล่าสุดได้ให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน โดยได้ปรับแท็กซี่ตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ 1155 ระมัดระวังเรื่องการสื่อสารกับนักท่องเที่ยว

จากเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมากองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวได้ใช้งบประมาณ จำนวน 10 ล้านบาท พัฒนาปรับปรุงการให้บริการสายด่วนคอลเซ็นเตอร์ 1155 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการที่ดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ ร้องเรียน กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุร้ายขึ้น

ทั้งนี้ ตร.ทท.ได้ว่าจ้างหน่วยงานภายนอก (เอาต์ซอร์ส) บริษัทเอกชนผ่านกิจการการค้าร่วมเอสซี คอนซอร์เตียม ระหว่างบริษัท สินอำพัน คอมพิวเตอร์ กับบริษัท คลาวด์ คอมพิวติ้ง จัดพนักงานที่มีทักษะ และล่ามแปลภาษา ทั้งหมด 6 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ รัสเซีย จีน เกาหลีและญี่ปุ่น รองรับการให้บริการของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยในอนาคตเตรียมขยายภาษาอาเซียน เช่นเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และฝรั่งเศสเพิ่มเติม

“การว่าจ้างพนักงานเอาต์ซอร์สได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตร.ทท.ระดับรองผู้กำกับ สารวัตร และตำรวจฝ่ายปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและแม่นยำก่อนการให้ความช่วยเหลือ” พล.ต.ต.ประเสริฐ กล่าว

ด้านแผนระยะยาวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เตรียมจัดตั้งศูนย์สายด่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ในทุกกรณี ผ่านเบอร์โทร 191 ก่อนแจกจ่ายไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง การปรับปรุง 1155 ต้องสอดคล้องกับแผน สตช.ในอนาคตด้วย

ด้าน พ.ต.ท.อนุชิต ลายลักษณ์ รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะหัวหน้าศูนย์แจ้งเหตุและแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยว กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว คอลเซ็นเตอร์ 1155 เล่าว่า แผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ 1155 ได้ปรับปรุงคู่สายการทำงานของโทรศัพท์ทุกสายจะติดส่วนกลางของศูนย์ฯ ที่กรุงเทพมหานคร จากเดิมนักท่องเที่ยวร้องเรียนจังหวัดการโทรสายด่วนจะติดที่จังหวัดนั้น การทำงานลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำการส่งต่อข้อมูลร้องเรียนต่อไปยังเจ้าหน้าที่ ตร.ทท.ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ในกรณีจังหวัดนั้นไม่มีสถานี ตร.ทท.ในพื้นที่ ศูนย์ส่วนกลางจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และหน่วยงานอาสา เพื่อเร่งเข้าพื้นที่ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ขั้นตอนการปฏิบัติงานดังกล่าว ทำให้ ตร.ทท.สามารถจัดเก็บข้อมูลสถิติการร้องเรียน หรือขอความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันมีสายเรียกเข้าเฉลี่ย 300-400 ราย/วัน แบ่งเป็น ขอรับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ ประมาณ 80% และร้องเรียนประมาณ 15-20%