posttoday

เปิด'พีพีพี'รับต่างชาติ

28 เมษายน 2560

กอบกาญจน์ ส่งสัญญาณหนุน ภาครัฐ-เอกชนลงทุนร่วมโครงสร้างพื้นฐาน รับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอาเซียนโตแรง

กอบกาญจน์ ส่งสัญญาณหนุน ภาครัฐ-เอกชนลงทุนร่วมโครงสร้างพื้นฐาน รับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอาเซียนโตแรง

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในงานการประชุมสภาการท่องเที่ยวโลก (WTTC Global Summit 2017) ว่า จากการสัมมนาในครั้งนี้ได้พยายามแจ้งให้นักลงทุนที่อยู่ในภาคท่องเที่ยวที่ร่วมงานรับทราบว่าไทยเปิดรับการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพราะหากบางอย่างรัฐบาลลงทุนเองอย่างเดียวก็อาจต้องใช้เวลา 10 ปี จึงสำเร็จ แต่หากเปิดพีพีพีให้ต่างชาติที่ไม่ได้มีแค่เงิน แต่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นเข้ามาลงทุนด้วย ก็จะสำเร็จได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ จากการไปงาน ซี โรดโชว์ ที่ไมอามีกับฟิลิปปินส์ พบว่าฟิลิปปินส์จะมีการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชนในท่าเรือใหม่ ส่วนมาเลเซียก็มีการลงทุนลักษณะนี้อีกจำนวนมากในอนาคต ขณะที่ไทยมี 3-4 จุด ที่ลงทุนท่าเรือน้ำลึกได้ แต่รัฐมีเงินลงทุนได้แค่ที่เดียว หากต้องการให้การลงทุนเร็วต้องหาผู้สนับสนุนที่ไม่ใช่ด้านเงิน แต่เป็นความรู้ความเชี่ยวชาญที่มี

นายอารีฟ ยาห์เฮีย รมว.การท่องเที่ยว อินโดนีเซีย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียมีงบลงทุนสนับสนุนจากภาครัฐแค่ 30% ของงบที่ต้องการใช้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยขณะนี้ได้พยายามเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศที่เป็นเงินลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) มากขึ้น และยอมรับว่าอินโดนีเซียยังต้องปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนก่อน จากที่ผ่านมานั้น อินโดนีเซียยังมีปัญหาการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจยังต่ำอยู่ ซึ่งยังต้องเร่งปรับปรุงให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น ที่เอื้อต่อนักลงทุน

"เราต้องการเงินลงทุนเอฟดีไอ 70% ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ปัญหา คือ ความสะดวกในการทำธุรกิจยังมีปัญหาอยู่ในการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่ยังยากลำบาก" นายอารีฟ กล่าว

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากงานประชุมสภาการท่องเที่ยวโลก ระบุว่า ในงานสัมมนาของดับเบิลยูทีทีซีได้มีการทำแบบสอบถามกับผู้เข้าร่วมประชุม ต่อประเด็นสิ่งไหนที่คิดว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ต้องการการลงทุนมากที่สุด ซึ่งผลปรากฏว่าผู้ร่วมประชุม ที่ตอบแบบสอบถามสัดส่วน 52% ระบุว่า การลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐาน รองลงมา คือ บุคลากรและกฎระเบียบอยู่ที่ 21% เท่าๆ กัน ส่วนการตลาดอยู่ที่ 4% เท่านั้น