posttoday

‘ไซแอม’ ตีวงล้อบุกCLMV

14 กุมภาพันธ์ 2560

หลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เต็มตัวแล้ว ทำให้รูปแบบการค้าในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

หลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เต็มตัวแล้ว ทำให้รูปแบบการค้าในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่จะเป็นการค้าขายผ่านชายแดน แต่เมื่อเออีซีเปิดทำให้ผู้ค้าจากเพื่อนบ้านเข้ามาติดต่อธุรกิจเองโดยตรง ส่งผลให้ธุรกิจไทยต้องปรับตัวตาม

เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมผลิตยางล้อรถของไทย แม้ว่าผลิตภัณฑ์ยางล้อจากไทยจะได้ชื่อว่ามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

เขมชาติ ธนมงคลฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.อาร์.ไทร์ ผู้ผลิตยางล้อรถ (รถบรรทุก รถเพื่อการเกษตร รถยนต์และรถจักรยานยนต์) ที่เข้าไปทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีมานับ 10 ปี กล่าวว่า ตลาดยางล้อรถในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวียังมีปริมาณความต้องการสูง โดยเฉพาะตลาดรถจักรยานยนต์และตลาดยางล้อรถเพื่อการเกษตร

“แนวโน้มตลาดยางล้อรถในซีแอลเอ็มวีมีการขยายตัวสูงมาก เพราะการเติบโตของกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้มีกำลังซื้อเยอะขึ้น และเมื่อมีกำลังซื้อเพิ่มก็พร้อมที่จะมองหาสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยมีตัวเลือกมากนัก” เขมชาติ กล่าว

เขมชาติ เล่าต่อว่า สิ่งที่ผู้บริโภคในตลาดซีแอลเอ็มวีต้องการคือ สินค้าที่มีคุณภาพและราคารับได้ ข้อดีของตลาดซีแอลเอ็มวีคือ อะไรที่เป็นสินค้า  Made in Thaland จะเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของสินค้าไทยที่จะทำให้เข้าสู่ตลาดซีแอลเอ็มวีได้ง่ายกว่าสินค้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ที่แม้จะได้เปรียบด้านราคา แต่ก็ยังตีตลาดไทยได้ไม่หมด เพราะสู้เรื่องคุณภาพสินค้าไม่ได้

“ตลาดยางล้อรถเป็นสินค้าที่มีการทำตลาดต่างจากสินค้าประเภทอื่น เพราะส่วนใหญ่จะไม่เน้นโฆษณาถึงผู้บริโภคโดยตรง แต่จะเน้นทำโปรโมชั่นผ่านดีลเลอร์ ร้านจำหน่ายยางมากกว่า และอีกอย่างยางล้อรถไม่มีของแท้หรือของปลอม อยู่ที่เกรดของสินค้ามากกว่า ซึ่งต้องให้ลูกค้าซื้อไปลองใช้เอง เพราะยางล้อที่มีราคาถูกใช้ได้ไม่นานก็เสื่อมคุณภาพ ลูกค้าจะรู้เองว่าครั้งหน้าควรจะซื้ออีกหรือไม่” เขมชาติ กล่าว

สำหรับสินค้ายางล้อรถที่เป็นคู่แข่งกับไทยในตลาดซีแอลเอ็มวีนั้น ขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นยางล้อที่มาจากจีนและเกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นการนำเข้ามาตามอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองที่ส่งเข้าไปขายในตลาดซีแอลเอ็มวี อย่างไรก็ดี ในส่วนของบริษัทนั้น ได้ทำตลาดยางล้อรถบรรทุกในทุกประเทศซีแอลเอ็มวีมาเกือบ 20-30 ปี ภายใต้ชื่อ แบรนด์ “สยามมิต” 

ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการรีแบรนด์ใหม่ให้มีความอินเตอร์มากขึ้น ภายใต้แบรนด์  “SIAMES” เพื่อให้ยางของบริษัทเป็น 1 ในตัวเลือก ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปีในการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและยอมรับ เนื่องจากต้องให้เวลาลูกค้าในการพิสูจน์คุณภาพด้วยการใช้งานจริงก่อน

“หลังจากเริ่มทำการตลาดในซีแอลเอ็มวีอย่างจริงจัง ทำให้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในตลาดเมียนมาและกัมพูชาแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จัก และมีความต้องการมากขึ้น มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% โดยเฉพาะตลาดเมียนมาที่ตอนนี้มียอดขายประมาณเดือนละ 10 ล้านบาท จากเดิมที่ไม่เคยมีตัวเลข เพราะเป็นการขายผ่านชายแดน” เขมชาติ กล่าว

อย่างไรก็ดี มองว่า ตลาดยางล้อรถในประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีจะมีโครงสร้างคล้ายๆ กับไทยเมื่อ 10-20 ปีก่อน มีโมเดลการพัฒนาของตลาดที่คล้ายกัน ทำให้อุตสาหกรรมยางล้อรถในซีแอลเอ็มวียังค่อนข้างมีโอกาสสูงมาก และประเทศเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวีเอง

เวลานี้เขาก็กำลังแสวงหาสินค้าดีที่มีคุณภาพ ซึ่งสินค้าไทยมีความได้เปรียบในจุดนี้ เขมชาติ กล่าวทิ้งท้าย