แฟรนไชส์ไทยบุกพม่า

แฟรนไชส์ไทยดึงนักธุรกิจเมียนมาจับคู่ทางธุรกิจ เจาะตลาดรับกำลังซื้อสูง แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัวหาโอกาสตลาดใหม่ในต่างประเทศ

นายสวาสดิ์ มิตรอารี นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์  เปิดเผยว่า สมาคมได้จัดทำโครงการนำผู้ประกอบการนักธุรกิจจากเมียนมา จำนวน 62 ราย มาร่วมจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไทย เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเมียนมาได้ศึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ไทยที่มีความสนใจและนำไปลงทุนในเมียนมา ด้วยในขณะนี้ตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตดี และผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง รวมถึงเมียนมายังมีกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก

ทั้งนี้ สมาคมได้มีการทำโครงการร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการในเมียนมาอย่างต่อเนื่องมาหลายปี เพื่อให้ความรู้ พร้อมแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์และการลงทุนในธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเมียนมาขยายธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเมียนมาได้เริ่มมีธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นแล้ว และถือเป็นประเทศที่เนื้อหอมมากสุดในภูมิภาคอาเซียนในขณะนี้

สำหรับการทำโครงการจับคู่ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยกับผู้ประกอบการเมียนมา จะดำเนินการในเดือน ส.ค. 2559 นี้ ที่ไทย ส่วนประเทศต่อไปที่สมาคมให้ความสนใจขยายธุรกิจแฟรนไชส์ คือ ลาว ที่มีแผนเข้าไปร่วมมือกับผู้ประกอบการในประเทศ พร้อมกับการให้ความรู้ธุรกิจแฟรนไชส์ คาดว่าจะเริ่มเห็นในปีนี้ จากนั้นประเทศถัดไปคาดจะเป็นกัมพูชาที่เตรียมวางแผนขยายการทำโครงการดังกล่าวในอนาคต เพื่อรองรับการขยายตัวและกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศดังกล่าวที่เติบโตสูงเช่นกัน

“การส่งเสริมผู้ประกอบการแฟรนไชส์ไปตลาดต่างประเทศนั้น เนื่องจากตลาดกำลังขยายตัวสูงต่อเนื่อง ตามแนวโน้มและกำลังซื้อในประเทศที่เติบโตดี ส่วนตลาดในประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ชะลอตัวลง เพราะได้รับจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนในประเทศชะลอลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อประเมินปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ต่างได้รับผลกระทบทั้งหมด” นายสวาสดิ์ กล่าว

ขณะที่การลงทุนขยายสาขาแฟรนไชส์ในไทยในขณะนี้ พบว่ามีการเปิดสาขาใหม่ในจำนวนที่ลดลง เพราะผู้ประกอบการต่างรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจน และอยากให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตดีก่อน หรือให้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศชัดเจนที่สุด ปัจจุบันแฟรนไชส์ในไทยที่เป็นสมาชิกสมาคมราว 400 ราย จากผู้ประกอบการแฟรนไชส์ในประเทศที่มีประมาณ 1,000 ราย โดยคาดว่าตลาดแฟรนไชส์ในประเทศปี 2559 คาดว่าจะขยายตัวไม่ถึง 10%