ประจวบฯขยายถนน 4 เลน เชื่อมค้าชายแดนด่านสิงขร

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตรงข้ามบ้านมูด่อง ภาคตะนาวศรีของเมียนมา แม้จะมิใช่พื้นที่การพัฒนาที่ร้อนแรงอย่างประตูชายแดนด้านอื่นๆ แต่ก็เป็นพื้นที่ซึ่งน่าจับตา จากยุทธศาสตร์ที่กำหนดให้เป็นจุดเชื่อมโยงเมืองท่ามะริดของเมียนมา

ล่าสุด ในการเดินทางเยือนประเทศไทยของ อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสหภาพเมียนมา ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะหอการค้าไทยก็หยิบยกการยกระดับด่านสิงขรขึ้นมาเป็นหนึ่งในหัวข้อการหารือสำคัญ จากการที่ฝ่ายไทยได้เตรียมการพัฒนาไปอย่างคืบหน้า แต่ติดขัดที่การพัฒนาในฝั่งเมียนมานั้นเป็นไปอย่างล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกรมทางหลวงชนบทได้เตรียมการขยายเส้นทางจากถนนเพชรเกษม แยกไปยังด่านสิงขร จาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร เพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งด่านการค้าแห่งนี้

ไพบูลย์ เรืองยุวนนท์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พยายามทำการผลักดันการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมที่ใช้ในการเดินทางและขนส่งสินค้าให้มีช่องการจราจรให้กว้างขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น โดยขณะนี้แขวงทางหลวงชนบทได้จัดทำโครงการสำรวจออกแบบถนนจากแยกถนนเพชรเกษมไปยังด่านสิงขร ให้มีความกว้างมากขึ้นพร้อมกับทำทางต่างระดับบริเวณจุดเชื่อมถนนเพชรเกษม อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร

“เบื้องต้นจะมีการขยายผิวการจราจรจากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร โดยขยายออกไปฝั่งละ 20-25 เมตร เพื่อรองรับรถทุกประเภทที่จะขนส่งสินค้าผ่านด่านสิงขร รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ หากการสำรวจออกแบบแล้วเสร็จและผ่านขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์แล้ว ก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในปีงบประมาณ 2560 แล้วเสร็จในปี 2562” ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทประจวบคีรีขันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทตั้งเป้าไว้ว่าในอนาคตเมื่อการเชื่อมโยงเส้นทางด่านสิงขร-มะริดเสร็จสมบูรณ์แล้ว เส้นทางสายนี้จะยกระดับเป็นทางหลวงอาเซียนต่อไป และคาดหมายเมื่อถึงเวลานั้น มูลค่าการค้าชายแดนด่านสิงขร จะเพิ่มขึ้นถึงปีละประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท

ด้าน สมพร ปัจฉิมเพ็ชร นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการที่ฝ่ายเมียนมาได้ร้องขอให้ฝ่ายไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการลดขั้นตอนและระยะเวลาในการผ่านพิธีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าของทั้งสองฝ่าย ทาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้เร่งขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าว โดยจะมีการบูรณาการเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสินค้าบริเวณด่านให้มาร่วมกันปฏิบัติงาน ณ จุดเดียว หรือศูนย์วันสต็อปเซอร์วิส ขึ้นมาที่บริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร เพื่ออำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าให้กับผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกทั้งชาวไทยและเมียนมา เพื่อให้การตรวจสินค้า ตรวจสอบใบอนุญาตการนำเข้า-ส่งออกทำให้เกิดความรวดเร็วในทางปฏิบัติ

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าชายแดนด่านสิงขรในปัจจุบัน ประมาณเดือนละ 150 ล้านบาท เป็นการส่งออก 90 ล้านบาท และการนำเข้าประมาณ 60 ล้านบาท