posttoday

ทัวร์นอกดิ้นสู้เที่ยวไทย เชื่อตลาดยังโต7%

14 มกราคม 2559

การเที่ยวเมืองนอกกลายเป็นเรื่องธรรมดาในยุคที่การเดินทางสะดวกสบายกว่าเดิมมาก

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์

การเที่ยวเมืองนอกกลายเป็นเรื่องธรรมดาในยุคที่การเดินทางสะดวกสบายกว่าเดิมมาก แต่บางคนอาจมองว่า กลยุทธ์โหมดึงคนไทยเที่ยวไทยช่วยชาติในตอนนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาจส่งผลให้คนไทยเที่ยวนอกชะลอการตัดสินใจเดินทางตามไปด้วย ซึ่งกลายเป็นความท้าทายของธุรกิจทัวร์นอกที่จะต้องฝ่าฟัน

แต่สำหรับคนในวงการอย่าง ศุภฤกษ์ ศูรางกูร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กลับเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว ไม่ทำให้คนไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง แต่จะทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวลดลง อีกทั้งจะเลือกเส้นทางระยะใกล้ในแถบเอเชียและอาเซียนมากขึ้น ทดแทนการเดินทางระยะไกลในโซนยุโรป อเมริกา รวมถึงลดความถี่ในการเดินทาง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 7-7.7 ล้านคน เติบโต 5-7% เทียบกับปีที่ผ่านมา 6.8-7 ล้านคน แต่ในแง่รายได้คาดว่านักท่องเที่ยวจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ประเมินว่ารายได้เอาต์บาวด์เติบโตเพียง 2-3% เป็นประมาณ 1.82 แสนล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมา 1.76 แสนล้านบาท จากเดิมรายได้เติบโตประมาณ 4-5% ต่อปี โดยปัจจุบันคนไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศใช้จ่ายเฉลี่ย 5,000 บาท/วัน ท่องเที่ยวเฉลี่ย 5 วัน ใช้จ่าย 2.3-3 หมื่นบาท/ทริป

“คนไทยยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะบางเส้นทางมีราคาถูกกว่าท่องเที่ยวในประเทศ เช่น กรุงเทพฯ-สมุย แพงกว่าการเที่ยวกรุงเทพฯ-มาเก๊า อีกทั้งกระแสการเติบโตของธุรกิจโลว์คอสต์เอื้อประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้บ่อย และขยายฐานนักเดินทางกว้างขึ้น ผู้ประกอบการทัวร์สามารถจัดแพ็กเกจอย่างน่าสนใจ”

สำหรับเส้นทางที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยว ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ตามลำดับ ซึ่งในปีนี้คาดว่าตลาดอาเซียนจะเป็นจุดขายหลักในการบูมทัวร์เอาต์บาวด์ เพราะการเปิดเสรีอาเซียนจะเกิดการเดินทางท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงผ่านการส่งเสริมแบบรัฐต่อรัฐมากขึ้น ในพื้นที่เขตติดต่อชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่กลุ่มกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ซึ่งเชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้กว่า 7 ล้านคน จะเป็นการเดินทางในอาเซียนสูงถึง 5.8 ล้านคน ส่วนตลาดเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ ประมาณ 1.5-1.8 ล้านคน และที่เหลือคือการท่องเที่ยวประเทศกลุ่มยุโรปและอเมริกา

ศุภฤกษ์แสดงความคิดเห็นต่อแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลภายใต้แคมเปญ เที่ยวช่วยไทย ชิงรางวัลเงินสดเดือนละ 1 ล้านบาท และแจกบ้านหรือรถยนต์ไตรมาสละครั้ง ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางออกต่างประเทศ เพราะเป็นนักท่องเที่ยวคนละกลุ่มกับการเดินทางต่างประเทศ และเชื่อว่าการจัดรายการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ การปรับลดค่าตั๋วโดยสารของสายการบิน จะเป็นแรงจูงใจให้คนไทยท่องเที่ยวต่างประเทศไม่แพ้การสร้างกระแสเดินทางในประเทศ

ทั้งนี้ สมาคมได้เตรียมงานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 17-21 ก.พ. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งในปีนี้ได้จัดขึ้นพร้อมกันในแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุดรธานี และภาคใต้ ภูเก็ต โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวบริษัททัวร์ โรงแรม สายการบิน สินค้าทางการท่องเที่ยว ร่วมออกบูธประมาณ 1,400-1,500 บูธ ตลอดการจัดงานคาดว่าจะมีรายได้สะพัด 700 ล้านบาท แบ่งเป็นภูมิภาคละ 100 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 5 แสนคน เทียบกับการจัดงานครั้งที่ผ่านมาเฉพาะกรุงเทพฯ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศในอาเซียนเกือบทุกประเทศ รวมทั้งชาติเอเชีย รวม 18 ประเทศ จะร่วมออกบูธเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวของประเทศตัวเอง สะท้อนได้ว่างานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก มีผลตอบรับที่ดีจากชาติอาเซียน และการเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การจัดงานแฟร์ของชาติอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด

ศุภฤกษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเอเชียอย่างญี่ปุ่นได้เข้ามาส่งเสริมการขาย โดยดึงคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น โดยเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ เมืองรอง และตอนนี้แต่ละประเทศต่างใช้มาตรการส่งเสริมการเดินทางรูปแบบต่างๆ เช่น การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เพื่อเอื้อต่อการตัดสินใจเดินทาง และเพิ่มความถี่ท่องเที่ยวได้

“การแข่งขันรุนแรงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ สมาคมเตรียมหารือจัดทำแพ็กเกจที่น่าสนใจเพื่อคนไทย รวมถึงการเพิ่มมาตรการดูแลนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวด้วย” ศุภฤกษ์ กล่าวทิ้งท้าย