posttoday

เคเอฟซีกับเลือกตั้งอิเหนา

24 ธันวาคม 2556

การเลือกตั้งในปี 2557 จะช่วยปั๊มยอดขายให้กับบริษัท เพราะบรรดาพรรคการเมืองจะสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดสำหรับเป็นเสบียง

โดย...อัฏฐวรรณ ลวณางกูร

ในปี 2557 อินโดนีเซียจะจัดเลือกตั้งในหลายระดับ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมถึงการชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ค. แทนที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันซึ่งครบวาระ 2 สมัยแล้ว

นอกจากการเลือกตั้งจะส่งผลให้บางธุรกิจคึกคักขึ้น เช่น สื่อมวลชน ทำป้ายหาเสียง ที่จะมีงานเข้าเป็นกอบเป็นกำในช่วงนี้ เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากงานนี้ด้วย

อย่างกรณีของบริษัท ฟาสต์ฟู้ด อินโดนีเซีย ผู้ได้สิทธิไลเซนส์บริหารแฟรนไชส์แบรนด์ “เคเอฟซี” ในแดนอิเหนา เตรียมลงทุนราว 3.5 แสนล้านรูเปียห์ (ราว 29 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเปิดสาขาใหม่ในปี 2557

เพราะบริษัทมองเห็นเทรนด์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ทั้งจำนวนของกลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ของคนเหล่านี้ที่จะมากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับความนิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีหน้าโตที่ระดับ 12% แตะ 4.53 ล้านล้านรูเปียห์ (378.63 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากปีนี้ที่อยู่ที่ 4.13 ล้านล้านรูเปียห์

ที่สำคัญ การเลือกตั้งในระดับต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น น่าจะมีส่วนทำให้ยอดสั่งอาหารจากร้านฟาสต์ฟู้ดเพิ่มขึ้น เนื่องจากบรรดาผู้หาเสียงจะเร่งออกพื้นที่พบปะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อหาคะแนนเสียง และอาหารฟาสต์ฟู้ดก็มีความสะดวกมากกว่า

จัสตินัส ดี. จูโวโน ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของฟาสต์ฟู้ด อินโดนีเซีย บอกว่า การเลือกตั้งในปี 2557 จะช่วยปั๊มยอดขายให้กับบริษัท เพราะบรรดาพรรคการเมืองจะสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดสำหรับเป็นเสบียงในการออกไปหาคะแนนเสียง

ขณะนี้บริษัทเตรียมสำรองเงินสดไว้ใช้ในการลงทุนขยับขยายกิจการในปีหน้า โดยมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ 30 แห่ง และปรับปรุงสาขาที่มีอยู่แล้วราว 60 แห่ง

ทั้งนี้ ในปี 2556 นับถึงเดือนก.ย. บริษัทเปิดสาขาใหม่ 29 แห่ง ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 476 แห่ง ซึ่ง 175 สาขาอยู่ในจาการ์ตา

สำหรับผลงานของบริษัทฟาสต์ฟู้ดรายนี้ สามารถทำรายได้ 2.9 ล้านล้านรูเปียห์ ในระหว่างเดือนม.ค.-ก.ย. ปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า

แต่กำไรสุทธิของบริษัทกลับลดลง เหลือ 1.07 แสนล้านรูเปียห์ จาก 1.40 แสนล้านรูเปียห์ ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้องรับมือกับต้นทุนพลังงานและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เห็นได้จากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 16% หรือราวๆ 1.6 ล้านล้านรูเปียห์

นอกจากนี้ เชนฟาสต์ฟู้ดชื่อดังจากสหรัฐยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักขึ้นจากธุรกิจร้านอาหารในท้องถิ่น

แต่แม้จะมีความท้าทายรออยู่ ช่วงเทศกาลปลายปีต่อเนื่องปีใหม่จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเคเอฟซีที่จะปั๊มยอดขาย เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวที่ผู้คนพร้อมจะควักเงินจับจ่าย

ปีม้าที่จะมาถึงไม่เพียงต้องจับตาการเมืองอินโดนีเซียที่กำลังเปลี่ยนแปลง แต่ยังต้องจับตาว่ากลยุทธ์ของเชนฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง “เคเอฟซี” ที่อิงกระแสเลือกตั้งจะได้ผลจริงตามที่ตั้งเป้าหรือไม่