posttoday

อีททิโก มุ่งสู่เบอร์ 1 เอเชีย

04 กันยายน 2561

อีททิโก ระดมทุนครั้งใหม่ ต่อยอดผู้นำแอพจองร้านอาหารเบอร์ 1 เอเชียแปซิฟิก

โดย..ปิยนุช ผิวเหลือง

อีททิโก แพลตฟอร์มจองร้านอาหารชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ร่วมก่อตั้งชาวไทย เปิดแผนธุรกิจมุ่งสู่ผู้นำแอพพลิเคชั่นจองร้านอาหาร เบอร์ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ผ่านการระดมทุนครั้งที่ 3

ภูมินทร์ ยุวจรัสกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท อีททิโก (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อีททิโก ผ่านการระดมทุนครั้งที่ 3 โดยได้รับการสนับสนุนจาก TripAdvisor ส่งผลให้มียอดการระดมทุนสะสมทั้งหมด 830 ล้านบาท และทำให้อีททิโกเป็นสตาร์ทอัพบีทูซีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยการระดมทุนครั้งนี้ อีททิโกกางแผนมุ่งสู่การเป็นผู้นำแอพพลิเคชั่นจองร้านอาหารเบอร์ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยปัจจุบันอีททิโกได้ขยายธุรกิจใน 6 ประเทศแล้ว ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และอินเดีย

อีททิโก มุ่งสู่เบอร์ 1 เอเชีย

ทั้งนี้ อีททิโก ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยการดำเนินธุรกิจ 5 ปีที่ผ่านมา มียอดการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-7 เท่า และในปี 2561 วางแผนเปิดตัวบริการใหม่ 1-2 รายการ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้งานแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ปัจจุบัน อีททิโก มียอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นรวม 3.5 ล้านครั้งทั่วโลก ซึ่งเป็นยอดดาวน์โหลดของประเทศไทย 1.5 ล้านครั้ง ขณะที่พฤติกรรมผู้ใช้งานในประเทศไทย พบว่าเป็นการจองร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม 50% เป็นการจองร้านอาหารญี่ปุ่น 20% และอื่นๆ 30% ส่วนเทรนด์การจองที่ มาแรงในประเทศไทย ได้แก่ ร้านอาหารเกาหลี ร้านอาหารเวียดนาม และร้านของหวาน

ภูมินทร์ กล่าวว่า อีททิโก เป็นผู้บุกเบิกแอพพลิเคชั่นการจองร้านอาหารรายแรกๆ ของเอเชีย ทั้งได้รับการตอบรับที่ดี ในประเทศที่เปิดให้บริการแล้ว ปัจจุบันมีคู่แข่งทางธุรกิจมากขึ้น แต่จุดแข็งของอีททิโก คือการเริ่มต้นเป็นรายแรกๆ ทั้งมีพาร์ตเนอร์ที่เข้มแข็งทำให้ธุรกิจยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยการขยายธุรกิจที่ดีที่สุด และให้ผลกำไรมากที่สุดในขณะนี้ คือการขยายพื้นที่ให้บริการไปยังประเทศใหม่ๆ ก่อนที่คู่แข่งในตลาดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

สำหรับ 6 ประเทศที่อีททิโกเปิดให้บริการแล้วนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีตามเป้าหมาย โดยในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง เป็น 2 ประเทศแรกที่สร้างรายได้มากที่สุด จากค่าครองชีพที่สูง ซึ่งอีททิโกมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นต่อหัวในการดึงดูดให้ลูกค้าจองร้านอาหารแต่ละแห่ง อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งสองประเทศ มีความถี่ในการเลือกรับประทานอาหารนอกบ้านบ่อยกว่าประเทศอื่น เพราะกิจกรรมรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นกิจกรรมหนึ่งในการเข้าสังคม โดยขณะนี้ อีททิโกมีร้านค้าให้บริการจองผ่านแอพพลิเคชั่นมากกว่า
4,000 แห่งทั่วโลก

ภูมินทร์ เผยว่า โดยรวมพฤติกรรมผู้ใช้งานในภูมิภาคอาเซียนไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมีกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียในประเทศไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และฮ่องกง แต่ทั้งนี้แผนการตลาดในประเทศอินเดียจะแตกต่างออกไป เนื่องจากมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภค จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเสนอเนื้อหา (คอนเทนต์) ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยให้อำนาจในการตัดสินใจของทีมงานท้องถิ่นมากขึ้น

“เราได้เรียนรู้ว่าแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันโดยเฉพาะอินเดีย ดังนั้นจึงต้องปรับแผนธุรกิจให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่นมากขึ้น อีกทั้งได้เรียนรู้ว่าในบางประเทศ เช่น มาเลเซีย ในเดือนรอมฎอน ผู้คนไม่นิยมทานอาหารนอกบ้าน ดังนั้นในมาเลเซียจะมีรายได้เข้ามา 11 เดือน เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เรื่อยๆ จากการทำธุรกิจ ทั้งนี้มองว่าทุกสิ่งล้วนเป็นความท้าทายทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรักษาระดับการเติบโต 4-7 เท่าในแต่ละปีไม่ใช่เรื่องง่าย” ภูมินทร์ กล่าว

ปัจจุบันอีททิโกมีพนักงานร่วมขับเคลื่อนธุรกิจทั้งสิ้น 180 คน โดยในปีนี้ได้ขยายธุรกิจไปยังเชียงใหม่และพัทยา เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัดในประเทศไทยมากขึ้น