posttoday

อนาคตเมียนมาในสายตาอองซาน ซูจี

29 สิงหาคม 2561

โดย ... มรกตวงศ์ ภูมิพลับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดย ... มรกตวงศ์ ภูมิพลับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นับตั้งแต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ชนะเลือกตั้งใน ค.ศ.2015 อองซานซูจีกลายเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐ (State Counsellor) ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่ง แม้รัฐธรรมนูญจะทำให้เธอเป็นประธานาธิบดีไม่ได้เพราะมีสามีต่างชาติและทหารยังคงคุมเชิงอยู่เบื้องหลัง

21 สิงหาคม 2018 รัฐบาลสิงคโปร์และ ISEAS – Yusof Ishak Institute เชิญเธอมาแสดงปาฐกถาในงาน The 43rd Singapore Lecture หัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยเมียนมา : ความท้าทายและหนทางข้างหน้า” ด้วยสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับเมียนมามากเนื่องจากเข้าไปลงทุนในเมียนมามหาศาล ในปี 2017 การลงทุนต่างชาติในพม่ามูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าครึ่งมาจากสิงคโปร์

ในงาน ซูจีแสดงความเห็นว่าเมียนมาเปลี่ยนผ่านมา 3 ครั้งตั้งแต่ยุคอาณานิคม เผด็จการทหาร จนถึงปัจจุบันที่มีรัฐบาลพลเรือน แต่ก็ยอมรับว่าครั้งที่ซับซ้อนและท้าทายที่สุดคือยุคปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญคือทำอย่างไรจะให้การเปลี่ยนผ่านดำเนินไปอย่างสันติและสร้างความร่วมมือระหว่างกัน

ซูจีบอกว่าเมียนมามีเป้าหมาย 5 ข้อ บนพื้นฐาน 3 เสา ได้แก่ 1)สันติภาพ การปรองดองแห่งชาติ การรักษาความปลอดภัยและการบริหารที่ดี 2) ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการบริหารเศรษฐกิจมหภาคให้เข้มแข็ง 3) การสร้างงานและส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชน 4) พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมในศตวรรษที่ 21 และ 5) อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อความมั่งคั่งของประเทศ และยอมรับว่าปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าคือ ปัญหา (เธอไม่กล่าวว่า “โรฮิงญา”) รัฐยะไข่ รองลงมาคือการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment)

 

 

อนาคตเมียนมาในสายตาอองซาน ซูจี ภาพอองซาน ซูจี ที่เจดีย์สุเล นครย่างกุ้ง

 

 

เป้าที่ 1 และ 2 เป็นเรื่องหลักที่ซูจีเน้นย้ำแม้จะมีเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง เธอกล่าวถึงแนวโน้มที่ดีในการประชุมปางโหลงแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อปรองดองกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงสถานการณ์ในรัฐยะไข่ซึ่งอองซานซูจีเรียกชาวโรฮิงญาว่า “คนพลัดถิ่น (displaced persons)” ที่หนีไปบังคลาเทศกว่า 700,000 คน เธอให้เครดิตนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติผู้ล่วงลับที่เข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลเมียนมาว่าได้ให้แนวทางสร้างสันติภาพไว้ 88 ประการ และมีการดำเนินการแล้ว 81 ข้อ

ปัจจุบันทางการยังตั้งหน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การตั้งถิ่นฐานและพัฒนาในรัฐยะไข่ โดยใช้ต้นแบบกระบวนการที่ร่วมมือกับไทยเรื่องการจัดการแรงงานพลัดถิ่น มีการทำบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาลบังคลาเทศเพื่อส่งกลับโดยจะมีการจัดสรรพื้นที่รองรับ ซูจียังให้ความสำคัญกับการลงทุนจากประเทศใน

อาเซียนและเอเชียตะวันออกด้านทรัพยากรมนุษย์เพื่อพัฒนาในคุณภาพชีวิตประชาชน เธอแถลงว่ารัฐบาลพม่าดำเนินการแก้ไขเรื่องโครงสร้างพื้นทั้งถนนและไฟฟ้ามาแล้ว 2 ปี เน้นที่รัฐชินและยะไข่ทางด้านตะวันตกของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่ดีขึ้นแต่ยังต้องเร่งดำเนินการ

สิ่งหนึ่งที่ซูจีถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำไม่ได้คือ การแสดงมาตรการระยะยาว ไม่ว่ากรณีโรฮิงญา การปรองกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอุปสรรคมากมาย ไม่นับว่าทหารพม่ายังไม่ได้ออกไปจากการเมืองแต่อย่างใด

 

ภาพ: สุเจน กรรพฤทธิ์