posttoday

เวียดนามปรับ ยุทธศาสตร์ส่งออกข้าว

13 กันยายน 2560

ถือเป็นการขยับอีกก้าวที่น่าจับตาของประเทศเวียดนาม หลังสื่อเวียดนามรายงานข่าวออกมาว่า ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผนการปฏิรูปการผลิตข้าว "ระยะยาว"

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

ถือเป็นการขยับอีกก้าวที่น่าจับตาของประเทศเวียดนาม หลังสื่อเวียดนามรายงานข่าวออกมาว่า ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามได้ประกาศแผนการปฏิรูปการผลิตข้าว "ระยะยาว" เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดส่งออกข้าวของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นการวางวิสัยทัศน์ไปถึงปี 2573 โดยรัฐบาลเวียดนามได้ปรับปรุงแผนการส่งออกข้าว จากเดิมที่เน้น "ปริมาณ" เป็นการสร้าง "มูลค่าเพิ่ม" เพราะถือว่าข้าวเป็นสินค้าเกษตรที่สร้างรายได้อันดับต้นๆ ให้ประเทศ

แผนการปฏิรูปการส่งออกข้าวของเวียดนามที่หันมาเน้นทำตลาดคุณภาพของรัฐบาลเวียดนามนั้น เพราะต้องการเพิ่มบทบาทให้เวียดนามขึ้นมาเป็นผู้เล่นในตลาดข้าวเบอร์ต้นๆ ของโลกนั่นเอง

ทั้งนี้ ตามเป้าหมายที่รัฐบาลเวียดนามประกาศออกมาก่อนหน้านี้ คือ ในปี 2563 เวียดนามจะส่งออกข้าวอยู่ที่ 4.5-5 ล้านตัน/ปี และ จะสร้างรายได้ให้ประเทศประมาณ 2,200-2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี และตั้งแต่ปี 2564-2573 ปริมาณการส่งออกข้าวรายปีของเวียดนาม จะลดลงเหลือ 4 ล้านตัน แต่ในด้านมูลค่าจะเพิ่มขึ้น โดยคาดจะสร้างรายได้ให้เวียดนามเพิ่มเป็น 2,300-2,500 ล้านดอลลาร์/ปี

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามยังปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ข้าวเพื่อการส่งออก โดยจะเน้นส่งออกข้าวหอมพันธุ์พิเศษและข้าวเหนียวพันธุ์เฉพาะถิ่นอย่างข้าวจาปอนิกา ในสัดส่วน 40% ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมด ตามด้วยข้าวเหนียวและข้าวขาว สัดส่วน 25% และอีก 10% มาจากข้าวคุณภาพสูงอย่างข้าวออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว

นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้นำผลิตภัณฑ์ข้าวท้องถิ่นที่มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาปรับใช้ในการผลิต จนทำให้ได้ข้าวคุณภาพสูงจำนวนมากมาบรรจุเป็น "วาระแห่งชาติ" ซึ่งปัจจุบันเวียดนามก็มีข้าวแบรนด์ท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมจากภาครัฐอยู่หลายราย โดยเฉพาะผลผลิตข้าวที่ปลูกอยู่บนพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (สามเหลี่ยมแม่โขงเดลต้า) ก็มีแบรนด์ข้าวคุณภาพถึง 12 แบรนด์

พร้อมกันนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ประเมินแล้วพบว่า ส่วนแบ่งการตลาดข้าวของเวียดนามในตลาดแอฟริกายังต่ำอยู่ ดังนั้นจากแผนปฏิรูปการ ส่งออกข้าวฉบับใหม่ล่าสุดนี้ จึงวางเป้าหมายไว้ให้ประเทศแอฟริกาเป็นตลาดส่งออกข้ าวแห่งใหม่ของเวียดนามด้วย

หลังจากรัฐบาลเวียดนามประกาศแผนปฏิรูปการส่งออกข้าวออกมา ก็ยิ่งเป็นตัวสนับสนุนรายงานของเวิลด์แบงก์ที่ประเมินว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ไปจนถึงปี 2593 จากนโยบายการบริหารประเทศที่ต่อเนื่อง และคาดว่าเวียดนามจะได้รับการเลื่อนลำดับชั้นของขนาดเศรษฐกิจเร็วที่สุด คือจากอันดับที่ 32 ของเศรษฐกิจโลกปี 2560 เป็นอันดับที่ 29 ในปี 2573 และอันดับที่ 20 ในปี 2593

เห็นแบบนี้แล้ว อุตสาหกรรมข้าวของไทยคงจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว เพราะถ้าไทยยังหลงกับคำว่า "ผู้นำ" แล้วย่ำอยู่กับที่ขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดส่งออกข้าวไทยอาจหายไปก็ได้