เวียดนาม นำเข้ารถไทยเพิ่ม

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล & [email protected]

การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามทำให้กำลังซื้อของคนเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น ความจริงที่ว่านี้สะท้อนได้จากปริมาณรถจักรยานยนต์และรถยนต์ในเวียดนามที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานเป็นพาหนะ

ข้อมูลอ้างอิงจากกรมศุลกากรออกมาว่า เฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ เวียดนามนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูป (CBU) จากประเทศไทยและอินเดียรวมกันมากกว่า 2.96 หมื่นคัน มูลค่ารวม 531.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเวียดนามนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากไทยเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอินโดนีเซีย

สาเหตุที่ทำให้เวียดนามมีการนำเข้ารถยนต์จากไทยและอินโดนีเซียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก มาจากการลดภาษีศุลกากรในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยภาษีรถยนต์ขนาดไม่เกิน 9 ที่นั่ง ภาษีจะลดลงจนเหลือศูนย์ในปี 2561 จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 30% เฉพาะ 6 เดือนปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2560) เวียดนามนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากต่างประเทศประมาณ 5.1 หมื่นคัน คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ในแง่ของมูลค่าลดลง 15% แต่ถ้ามองในด้านปริมาณนั้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.9%

ทั้งนี้การนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกปีนี้ เวียดนามขาดดุลการค้ากับประเทศที่นำเข้าอย่างมาก โดยขาดดุลกับไทยมากถึง 2,500 ล้านดอลลาร์ อินโดนีเซีย 340 ล้านดอลลาร์ สิงคโปร์ 1,300 ล้านดอลลาร์ และมาเลเซีย 600 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี เวียดนามมีแนวโน้มนำเข้ารถยนต์จากไทยเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องมาจากแผนการปรับลดภาษีการนำเข้ารถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลให้ราคารถยนต์ที่นำเข้าจากไทยมีราคาลดลง จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่งรถ รวมถึงบริการที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริการซ่อมบำรุง ประดับยนต์ ล้างและเคลือบสี เป็นต้น ในการเข้ามาบุกตลาดเวียดนาม

ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบรถยนต์ของเวียดนามก็ปรับตัวด้วยการสร้างความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศ รวมทั้งขยายการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอาเซียนเดิม ส่งผลให้การผลิตชิ้นส่วนและส่วนประกอบรถยนต์จึงมีแนวโน้มที่ดีเมื่อข้ออุปสรรคทางภาษีถูกยกเลิกไปภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน

นอกจากนี้ คาดว่าในปี 2561 จะเพิ่มโอกาสให้เวียดนามสามารถผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริม เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ใน ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับเวียดนามด้วย