กฟผ. ชวนย้อนวันวาน “ครบรอบงานกาชาด 100 ปี” นุ่งโจงห่มไทย เที่ยวสุขใจ อิ่มบุญ
กฟผ. ชวนย้อนวันวาน “ครบรอบงานกาชาด 100 ปี” นุ่งโจงห่มไทย เที่ยวสุขใจ อิ่มบุญ ตั้งแต่วันที่ 8-18 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 11.00 - 22.00 น. ณ สวนลุมพินี
งานกาชาดปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-18 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 11.00 - 22.00 น. ณ สวนลุมพินี ถือว่ามีความพิเศษกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นปีที่ “ครบรอบการจัดงานกาชาด 100 ปี”
สีสันภายในงานจึงมาพร้อมบรรยากาศย้อนวันวานภายใต้แนวคิด "รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้" โดยหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมออกร้านที่ตอบโจทย์นักเที่ยวทุกสาย ไม่ว่าจะเป็นสายกิน สายชอป สายบันเทิง หรือสายบุญ แบบจัดเต็มตลอด 11 วัน 11 คืน
เที่ยวกาชาดสุขใจ อิ่มบุญ
ในวาระ “ครบรอบการจัดงานกาชาด 100 ปี” การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะพันธมิตรที่
ได้ร่วมมือกับสภากาชาดมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับนายกกาชาดประจำจังหวัด การสนับสนุนถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยร่วมกับสภากาชาด การจัดสถานที่รับบริจาคโลหิต และการบริจาคเงินสมทบทุนรายได้จากงานกาชาด เพื่อให้สภากาชาดไทยใช้ในกิจการช่วยเหลือสังคมต่อไป ในปีนี้ จึงได้ร่วมออกร้านกาชาด กฟผ. “รื่นรมย์สุขฤดี 100 ปี ไฟฟ้าไทย” เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปสมทบทุนสภากาชาดไทยเฉกเช่นทุกปี โดย กฟผ. ยังได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดร้านงานกาชาด ประจำปีนี้ ในประเภทหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์อิสระ และเอกชน เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณของสภากาชาดไทย จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร ด้วย
เปิดจุดเริ่มต้นความสว่างไสวในไทย กับร้านกาชาด กฟผ.
เชื่อว่าในไทยเอง มีคนจำนวนไม่น้อยที่คุ้นชินกับการมีไฟฟ้าใช้ตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่เคยลองจินตนาการกันเล่น ๆไหมว่า ถ้าเราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เราจะเป็นอย่างไร?
ประเทศไทยเริ่มมีไฟฟ้าใช้ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2427 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยหลอดไฟดวงแรกของประเทศไทยเริ่มสว่างไสวขึ้น ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเมื่อลองบวกลบดูแล้ว ประเทศไทยถือว่ามีไฟฟ้าใช้นับเป็นเวลากว่า 139 ปี
“รื่นรมย์สุขฤดี 100 ปี ไฟฟ้าไทย” ร้านกาชาดของ กฟผ. ตั้งอยู่หมายเลข 7.1 โซนหน่วยงานพลังงาน จัดบรรยากาศย้อนวันวานได้อย่างน่าจับตาอยู่ไม่น้อย ด้วยการออกแบบหน้าร้านที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลย้อนยุคเพื่อจำลองที่ทำการของการไฟฟ้าเมื่อ 100 ปีก่อน ขณะที่ภายในได้จัดแสดงนิทรรศการ “100 กิจการไฟฟ้า” ที่บอกเล่าจุดกำเนิดการมีไฟฟ้าใช้ในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ผ่านสื่อโฮโลแกรม 3 มิติ พร้อมแนวคิดโครงการประยุกต์ใช้พลังงานต่าง ๆ ที่ปรับตัวตามเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับยุคสมัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย เช่น โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริด และจุดเริ่มต้นโครงการก่อตั้งธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อตอบรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
นอกจากนิทรรศการที่ให้ความรู้ ภายในร้านกาชาดของ กฟผ. ยังมีกิจกรรมสอยดาว “ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่” ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ร่วมงานอยู่ไม่น้อย ด้วยราคาจำหน่ายเพียงใบละ 25 บาท แต่มีรางวัลใหญ่สุดล่อตาล่อใจอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอทองคำ สมาร์ททีวี เครื่องฟอกอากาศ รวมถึงของรางวัลสไตล์ย้อนยุค
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการประมูลผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 จาก กฟผ. ทั้งบริเวณหน้าร้านและและบนแฟลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งความพิเศษของกิจกรรมหน้าร้านคือการได้พบกับศิลปินชื่อดัง ทั้ง แม้ก กรธัสส์, ภณ ณวัสน์, คริส พีรวัส, แจ็คกี้ ชาเคอลีน และเด่นคุณ งามเนตร ที่สร้างสีสันให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ย้อนวันวานด้วยสตรีทอาร์ท บรรยากาศตรอกชุมชนหน้าร้านกาชาด กฟผ.
ร้านกาชาดของ กฟผ. ยังจำลองบรรยากาศที่หวนให้คิดถึงวันวานด้วยสตรีทอาร์ทและตรอกชุมชน ที่เรียกเสียงรัวชัตเตอร์จากผู้เข้าชมได้ไม่น้อย ประกอบกับการแต่งกายแบบนุ่งโจงห่มไทยทั้งจากเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวในงานกาชาด ทำให้จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ใครมาแล้วก็ต้องห้ามพลาดเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ตรอกชุมชนย้อนวันวาน ยังมีร้านค้าวิสาหกิจชุมชนที่มาร่วมจัดจำหน่ายสินค้าคุณภาพดีจากฝีมือคนไทย และวัตถุดิบในท้องถิ่นที่กระตุ้นต่อมชวนซื้อให้ติดไม้ติดมือกลับบ้านคนละชิ้นสองชิ้น ส่วนใครที่กังวลว่าถ่ายรูปชมงานเพลิน ๆ แล้วเกิดคอแห้งกระทันหันจะหาร้านขายเครื่องดื่มยากและมีราคาแพง “ร้านกาแฟคุณสายชล” จาก กฟผ. ถือว่าตอบโจทย์ผู้เยี่ยมชมงานเป็นอย่างดีด้วยราคาจำหน่ายเพียงแก้วละ 20 บาท แถมยังมีเมนูให้เลือกสรรแบบนับไม่ถ้วน
เที่ยวงานกาชาด เดินทางยังไง?
สำหรับการเดินทางมาเที่ยวงานกาชาด 2566 นั้น ไม่แนะนำให้เดินทางด้วยรถส่วนตัวเพราะการจราจรในย่านพระราม 4 นั้นขึ้นชื่อว่าหนาแน่นไม่เป็นสองรองใคร การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะจะสะดวกสบายกว่า โดยผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมาสวนลุมพินีได้ด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีศาลาแดง (ทางออกที่ 6) หรือ สถานีราชดำริ (ทางออกที่ 4) ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสีลม (ทางออกที่ 1) หรือ สถานีสวนลุมพินี (ทางออกที่ 3)
นอกจากนี้ยังมีบริการรถ BMA Feeder ของ กทม. ที่จัดไว้บริการประชาชนฟรี เส้นทางสนามกีฬาแห่งชาติ - สวนลุมพินี (ประตู 1) โดยรถจะออกจากจุดจอดบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ ทุก ๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 11.00 - 22.00 น.
นั่งรถเมล์เที่ยวงานกาชาด
- สายที่ผ่านถนนสารสิน:50, 505, A3
- สายที่ผ่านถนนราชดำริ: 15, 50,74, 76, 77, 505, 514, 504, 547 ,A3
- สายที่ผ่านถนนพระรามที่ 4 : 4, 45, 47, 50, 67, 74 ,76, 141, 505, A3
- สายที่ผ่านถนนวิทยุ : 13, 50, 62, 76, 505, A3
ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดจุดคัดแยกขยะถึง 44 จุด เพื่อรณรงค์ให้เกิดการแยกขยะตามแนวทาง “ไม่เทรวม” โดยจะมีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือคัดกรอง


