posttoday

ศาลอาญาคดีทุจริตภาค2ยกฟ้อง อิทธิพล คุณปลื้ม คดีวอเตอร์ฟร้อนท์ฯพัทยา

13 พฤษภาคม 2567

ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค2 ยกฟ้อง อิทธิพล คุณปลื้ม กับพวก 4ราย ออกใบอนุญาตโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ เหตุคดีขาดอายุความ ระบุ ป.ป.ช. มีพฤติการณ์ไม่ได้มุ่งหมายให้การดำเนินคดีอยู่ภายในกรอบเวลาการฟ้องคดี

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จังหวัดระยอง ศาล อ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 49/2566, อท 52/2566, อท 54/2566, อท 55/2866, อท 61/2566 ซึ่งสำนวนคดีทั้งห้าศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำ อท 49/2566 ที่ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ ,นายอภิชาติ พืชพันธ์ ,นายสุธีร์ ทับหนองฮี ,นายชานนทร์ เกิดอยู่ ,นายชัยวัฒน์ แจ้งสว่าง ,นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ,นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ ,นายญัติพงค์ อินทรัตน์ นายเอกพงษ์ บุญชาย ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ที่อยู่ในกลุ่มพิจารณาออกใบอนุญาติก่อสร้างและ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่ง นายกเมืองพัทยา เป็นจำเลย 1-10

โดยโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 6 ถึง 10 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,157 และขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๑๕๗  พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542มาตรา 123/1 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 172

กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัทบาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสิบให้การปฏิเสธ ศาลกำหนดประเด็นที่ต้องวินิจฉัย 3 ประการ

ประเด็นที่ 1 มูลคดีนายกเมืองพัทยาและพวกออกใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด โดยจำเลยที่ 6 ถึง 10 เป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า บริษัทบาลีฮาย จำกัด มีวัตถุประสงค์จะใช้ประโยชน์จากการมีพื้นที่ว่างโดยอ้างว่าเป็นที่ครอบครองเพื่อไม่ให้พื้นที่โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ ติดทางสาธารณะ 2ด้าน อันจะทำให้อาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างไม่ถูกจำกัดความสูงในด้านที่ติดกับถนนสาธารณะภายในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และไม่มีสิทธิยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างเพราะด้านที่ติดถนนในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว ซึ่งแคบกว่าถนนพัทยาสาย 3 ตัวอาคารมีความยาวเกินกว่ากฎหมายกำหนด คำขออนุญาตก่อสร้างยื่นเมื่อวันที่ 1 พ.ค.51 จำเลยที่10 มีคำสั่งออกใบอนุญาตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.51  จึงเชื่อว่ากระบวนการทำคำสั่งของจำเลยที่ 9,8,6,7เเละที่ 10 ตามลำดับชั้น มีการพิจารณารายละเอียดคำขออย่างครบถ้วน แต่จำเลยที่ 6-10กลับไม่แสดงให้เห็นเลยว่า มีการพิจารณารูปทรงอาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างมีความเหมาะสมกับพื้นที่โครงการหรือไม่ อาคารที่สร้างมีขนาดใหญ่พิเศษ มีด้านกว้างในส่วนที่ใกล้กับโครงการก่อสร้างท่าเรือท่องเทียวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ ขนาดความกว้างประมาณ 90เมตร มีความสูงประมาณ 180 เมตร จึงเห็นได้โดยชัดว่าจะต้องบดบังเขาพัทยาอย่างแน่นอน แม้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะไม่แสดงข้อมูลนี้อย่างชัดเจน เมืองพัทยามีหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 9,8,6,7 เป็นพนักงานเมืองพัทยา

จำเลยที่ 10 เป็นนายกเมืองพัทยา ย่อมต้องทราบสภาพแวดล้อมในพื้นที่เมืองพัทยาและต้องมีแผนงานและเป้าหมายให้การก่อสร้างอาคารสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมตามอำนาจหน้าที่ เมื่ออาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการบดบังเขาพัทยาที่จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเมืองพัทยา

จำเลยที่ 9,8,6,7เเละที่ 10 จึงปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการกระทำร่วมกันโดยมุ่งหมายให้เป็นผลสำเร็จจนถึงวันที่จำเลยที่ 10มีคำสั่งออกใบอนุญาต

การกระทำของจำเลยทั้งห้ามีเจตนาให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหายเพราะการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษตามคำขอย่อมมีผลกระทบต่อภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก และการอนุญาตให้บริษัทบาลีฮาย จำกัด ก่อสร้างอาคารโดยมีพื้นที่ใช้สอยมากเกินกว่าที่จะมีสิทธิยื่นคำขอโดยชอบตามกฎหมายควบคุมอาคารและกฎกระทรวง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามบทบัญญัติความผิดตามมาตรา 157ในส่วนการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เมืองพัทยา การกระทำของจำเลยที่ 9,8,6,7เเละที่ 10 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ประเด็นที่ 2 ฟ้องโจทก์ประเด็นข้อ 1สำหรับจำเลยที่ 6-10 ขาดอายุความหรือไม่ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีพฤติการณ์ไม่ได้มุ่งหมายให้การดำเนินคดีอยู่ภายในกรอบเวลาการฟ้องคดีภายในวันที่ 10 ก.ย.2566 โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 6-10 เกินระยะเวลา 15 ปี นับแต่วันที่กล่าวหาว่ากระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยการนำบทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขใหม่มาใช้บังคับแก่คดีได้หรือไม่ตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งห้า เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป จำเลยที่ 6-10 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157ประกอบมาตรา 83 แต่คดีขาดอายุความแล้ว จึงต้องยกฟ้องโจทก์ตาม พรบ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง

ประเด็นที่ 3 มูลคดีที่รักษาการนายกเมืองพัทยาและพวกต่ออายุใบอนุญาตก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ให้แก่บริษัทบาลีฮายฯ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ 

ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ววินิจฉัยมีใจความโดยสรุปว่า กรณีที่จำเลยที่ 5,4,3,2 ซึ่งทำความเห็นเพื่อมีคำสั่งต่ออายุใบอนุญาต และจำเลยที่ 1 มีคำสั่งต่ออายุใบอนุญาต จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้เมืองพัทยามีการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารที่ไม่แล้วเสร็จในลักษณะการทบทวนเหตุผลที่จะออกใบอนุญาตฉบับใหม่ แม้บริษัทบาลีฮาย จำกัด จะอ้างเหตุประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะขาดเงินลงทุน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นเหตุหลีกเลี่ยงกฎหมายที่มุ่งประสงค์จะคุ้มครองความปลอดภัยของการใช้อาคาร การกระทำของจำเลยที่ 5,4,3,2,1 จึงมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายขึ้นแก่เมืองพัทยา

และในส่วนของจำเลยที่ 6 รู้อยู่แล้วว่าการออกใบอนุญาตกระทำโดยไม่ชอบ การเสนอให้ต่ออายุใบอนุญาตจึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาให้ใบอนุญาตนั้นมีผลใช้บังคับต่อไปอันเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่เมืองพัทยามาแต่ต้น 

การกระทำของจำเลยที่ 5,4,3,2,1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เมืองพัทยา หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เมืองพัทยาได้รับความเสียหาย

การกระทำของจำเลยทั้งหกนี้จึงเป็นการกระทำความผิดเพื่อให้มีผลเป็นการต่ออายุใบอนุญาตแก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด แต่เนื่องจากการออกใบอนุญาตให้แก่บริษัทบาลีฮาย จำกัด กระทำโดยไม่ชอบ จึงต้องถือว่าไม่มีใบอนุญาตที่จะเป็นเหตุให้พนักงานเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยามีหน้าที่พิจารณาต่ออายุ  

ดังนั้น เฉพาะการกระทำของจำเลยที่ 5,4,3,2,1 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างมาแต่ต้น จึงกระทำโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดตามฐานความผิดดังกล่าว แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้เพราะไม่มีใบอนุญาตอันเป็นเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำ (ใบอนุญาตที่ออกให้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย) ซึ่งทำให้จำเลยดังกล่าวไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติ การกระทำของจำเลยที่ 5,4,3,2,1 จึงเป็นการพยายามกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81

พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-5ตามสำนวนคดีที่หนึ่งมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานพยายามปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ที่เป็นไปไม่ได้โดยแน่แท้ จำเลยที่ 6 ตามสำนวนคดีที่สอง มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

การกระทำของจำเลยทั้งหกเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1-5 ตามกฎหมายบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่ 5ไว้ 1 ปี ลงโทษปรับจำเลยที่ 1,2,3คนละ 5 หมื่นบาท และให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 4 จำนวน 2หมื่นบาท การกระทำของจำเลยที่ 6 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามกฎหมายบททีมีอัตราโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่ 6ไว้ 1ปี ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 6-10 ในสำนวนที่สาม ที่สี่ และที่ห้า