posttoday

ธุรกิจสหรัฐหวังFTA มุ่งจับมือเวียดนาม-อินโดฯ-ไทย ลงทุนอาเซียนเพิ่ม

14 กันยายน 2560

อัมชัมเผยเอกชนสหรัฐหวังค้าเสรีกับอาเซียน หวั่นถอนตัวทีพีพี ทำคู่ค้าหันผูกสัมพันธ์จีน

อัมชัมเผยเอกชนสหรัฐหวังค้าเสรีกับอาเซียน หวั่นถอนตัวทีพีพี ทำคู่ค้าหันผูกสัมพันธ์จีน

หอการค้าอเมริกัน (อัมชัม) ในสิงคโปร์ เปิดเผยรายงานสำรวจมุมมองการทำธุรกิจสหรัฐในอาเซียน พบว่า 46% ของเอกชนสหรัฐต้องการให้มีการทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระดับทวิภาคีกับไทย รองลงมาจากเวียดนามและอินโดนีเซียที่ 56% และ 50% ตามลำดับ โดย 48% กังวลว่าอาเซียนจะหันไปกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนมากขึ้น หลังสหรัฐถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี)

อย่างไรก็ตาม เอกชนสหรัฐ 80% วางแผนจะเพิ่มการค้าและการลงทุนในอาเซียนมากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับ 3% ที่คาดว่าจะปรับลดการลงทุน โดย 55% ของธุรกิจสหรัฐในไทยมีแผนจะเพิ่มการลงทุน ขณะที่ 69% คาดว่าผลกำไรในปี 2018 จะดีขึ้น

ทั้งนี้ เอกชนสหรัฐพอใจเรื่องปัจจัยแวดล้อมในไทยมากขึ้น เช่น ด้านเสถียรภาพของรัฐบาลและนโยบายของภาครัฐในการจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนในประเทศ โดย 38% คาดการณ์ว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ 28% มองว่าไม่น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจน

"พวกเราเชื่อว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเป้าหมายของนโยบายดังกล่าว ที่ประกอบด้วย โรดแมปเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างขึ้นเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" เจฟฟรีย์ ดี. ไนการ์ด รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการและซัพพลายเชน ของซีเกท เทคโนโลยี กล่าว พร้อมระบุว่า แรงงานไทยทักษะสูงจำเป็นต่อการดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง

อย่างไรก็ตาม เอกชนสหรัฐเผชิญปัญหาเรื่องซัพพลายเชน โดย 67% ระบุว่า ไทยมีการกำกับดูแลและมาตรการต่างๆ ที่มากเกินความจำเป็น และ 63% เห็นว่า ไทยขาดความชัดเจนในการกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย

นอกจากนี้ 56% ของบรรดาธุรกิจสหรัฐยังคาดการณ์ว่า ผลกำไรในภูมิภาคอาเซียนจะปรับขึ้นในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2016 โดย 67% มองว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นปัจจัยดึงดูดให้ขยายการค้าและการลงทุน ตามมาด้วยการขยายตัวของชนชั้นกลางในภูมิภาค