posttoday

สหรัฐพอใจไทยแก้ไขละเมิดสินค้า

24 กรกฎาคม 2560

สหรัฐพอใจแก้ไขปัญหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไทย จ่อทบทวนสถานะบัญชีคู่ค้านอกรอบในอันดับดีขึ้น

สหรัฐพอใจแก้ไขปัญหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไทย จ่อทบทวนสถานะบัญชีคู่ค้านอกรอบในอันดับดีขึ้น

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) โดยได้แจ้งความคืบหน้าการปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ 6 แห่งที่มีการขายสินค้าละเมิดจำนวนมาก ทั้งศูนย์การค้ามาบุญครอง ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ คลองถม บ้านหม้อ และตลาดนัดจตุจักร ซึ่งบางแห่งไม่มีสินค้าละเมิดวางขายแล้ว

ทั้งนี้ ยูเอสทีอาร์พอใจผลการดำเนินงานของไทยมาก เพราะแทบไม่เห็นของละเมิดวางขาย และบางแห่งที่เป็นศูนย์การค้าไม่มีของปลอมวางขายแล้ว เพราะเจ้าของอาคารให้ความร่วมมือกับทางการไม่ให้ผู้ค้าของละเมิดเช่าพื้นที่ขายของปลอมอีกต่อไป ซึ่งยูเอสทีอาร์อาจมีการทบทวนนอกรอบเกี่ยวกับสถานะของไทยด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้าสหรัฐ มาตรา 301 พิเศษ

อย่างไรก็ตาม ยูเอสทีอาร์ขอเวลาอีก 2 สัปดาห์แล้วแจ้งไทยว่า จะทบทวนสถานะของไทยนอกรอบหรือไม่ จากเดิมที่จะมีการจัดอันดับประเทศสถานะคู่ค้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามมาตรา 301 พิเศษ ซึ่งจะมีการประกาศผลทุกสิ้นเดือน เม.ย.ของทุกปี แต่การทบทวนนอกรอบจะมีการจัดอันดับให้ก่อนหากเห็นว่าการแก้ไขละเมิดของประเทศคู่ค้านั้นดีขึ้น

“ตามขั้นตอนไทยจะต้องจัดทำรายงานการดำเนินการด้านต่างๆ ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา จากนั้นยูเอสทีอาร์จะเปิดรับฟังความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ หากไม่มีปัญหาอะไร ภายในปีนี้ไทยอาจได้รับการเลื่อนสถานะให้ดีขึ้นมาอยู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามอง (ดับบลิวแอล) จากปัจจุบันที่อยู่บัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล) ต่อเนื่องมา 10 ปี” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพบปะกับสมาพันธ์ผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐ (เอ็มพีเอ) และพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ (บีเอสเอ) ซึ่งทั้งสองกลุ่มยืนยันว่า พอใจกับการปราบปรามการละเมิดของไทยเช่นกัน

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่า ยังได้มีโอกาสหารือกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐถึงแนวทางขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งได้ชี้แจงว่าขณะนี้มีภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐเพิ่มขึ้น อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่เข้าไปลงทุนผลิตอาหารแปรรูปและอาหารสำเร็จรูปเพื่อส่งออกต่อไปทั่วโลก หรืออย่าง ปตท. ได้เข้าไปลงทุนผลิตปิโตรเคมีและพลังงานซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับสหรัฐอีกมาก

ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การจัดทำรายงานสาเหตุขาดดุลการค้าของสหรัฐกับหลายประเทศทั่วโลก ตามคำสั่งพิเศษประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งครบกำหนดต้องส่งรายงานให้นายทรัมป์พิจารณาภายใน 90 วันเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ยูเอสทีอาร์ได้ส่งรายงานดังกล่าวให้ประธานาธิบดีแล้ว ยังไม่ทราบรายละเอียดว่ารายงานดังกล่าวกล่าวถึงไทยอย่างไร

“ไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายหลักของสหรัฐ เพราะขาดดุลการค้าไทยน้อยมาก คาดว่าสหรัฐคงกำลังหารือกับประเทศเหล่านั้นอยู่ว่าจะมีความร่วมมือขยายการค้าการลงทุนกันได้อย่างไรบ้าง”น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว