เออร์โดกันกล่าวหาดัตช์อยู่เบื้องหลังสังหารหมู่ชาวบอสเนียมุสลิม
ประธานาธิบดีตุรกีกล่าวโจมตีทหารเนเธอร์แลนด์ก่อเหตุสังหารหมู่ ในสงครามบอสเนียเมื่อ 22 ปีก่อน
ประธานาธิบดีตุรกีกล่าวโจมตีทหารเนเธอร์แลนด์ก่อเหตุสังหารหมู่ ในสงครามบอสเนียเมื่อ 22 ปีก่อน
ประธานาธิบดีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกันแห่งตุรกีกล่าวโจมตีประเทศเนเธอร์แลนด์อีกครั้ง โดยกล่าวหาว่าบรรดาชาวเนเธอร์แลนด์เอื้อประโยชน์ให้เกิดการสังหารหมู่เด็กชาย และผู้ชายชาวมุสลิมบอสเนีย ในสมัยสงครามบอสเนีย เมื่อปี 2538 ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศที่ขณะนี้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ตุรกีกล่าวหารัฐบาลเนเธอร์แลนด์ว่าเป็นพวกนาซี และทางเนเธอร์แลนด์ปฏิเสธห้ามรัฐมนตรีเข้าประเทศ เพื่อหาเสียงในชุมชนชาวตุรกีในเมืองดัตช์
เออร์โดกันกล่าวว่ากองกำลังทหารชาวดัตช์ จากกองกำลังรักษาสันติภาพจากสหประชาชาติล้มเหลวในการปกป้องเด็กชาย และชายชาวบอสเนียจำนวนกว่า 8,000 คน ที่อาศัยอยู่ในเมืองสเรเบรนีตซา ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา
ในตอนนั้นสหประชาชาติประกาศให้พื้นที่ของเมืองสเรเบรนีตซา เป็นเขตปลอดภัยภายใต้ความคุ้มครองจากสหประชาชาติ แต่ต่อมาทหารชาวดัตช์จากหน่วยสหประชาชาติไม่สามารถปกป้องชาวเมืองจากการสังหารหมู่โดยทหารเซิร์บ ซึ่งเป็นชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บได้ การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นเป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป และเข้าข่ายอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ด้าน Mark Rutte นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ออกมากล่าวประณามคำพูดของประธานาธิบดีตุรกี โดยระบุว่าเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ที่น่าขยะแขยง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตุรกีดำเนินการคว่ำบาตรทางการทูตแก่เนเธอร์แลนด์มาตรการดังกล่าวรวมถึงการห้ามเอกอัคราชทูต และนักการทูตเนเธอร์แลนด์เดินทางเข้าตุรกี รวมถึงปิดน่านฟ้าการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการทูตทั้งหมด แต่มาตรการนี้ไม่รวมถึงพลเมืองทั่วไปที่ต้องเดินทางแต่อย่างใด
ด้าน Numan Kurtulmus รองนายกรัฐมนตรีระบุว่ามาตรการทั้งหมดนี้จะถูกยกเลิกก็ต่อเมื่อเนเธอร์แลนด์ดำเนินการแก้ไขที่ทางตุรกีมองว่าเป็นการดูหมิ่นประเทศของพวกเขา ทั้งนีปัจจุบันมีชาวตุรกีที่อาศัยอยู่ในเนเธอร์แลนด์ประมาณ 400,000 คน