ทรัมป์เปิดศึกรอบด้าน จี้เอกชนห้ามย้ายฐานการผลิต

ทรัมป์จี้เอกชนห้ามย้ายฐานการผลิต หวังสร้างงานในสหรัฐ ด้านสื่อจีนโวยทรัมป์ขาดประสบการณ์คุยไต้หวัน

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศไม่ให้บริษัท เร็กนอร์ด ผู้ผลิตอุตสาหกรรมสัญชาติสหรัฐ ย้ายฐานการผลิตจากรัฐอินเดียนาไปยังเม็กซิโก ซึ่งจะทำให้ชาวสหรัฐตกงานมากกว่า 300 คน หลังก่อนหน้านี้บรรลุการเจรจาให้แรงจูงใจด้านภาษีมูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 245 ล้านบาท) กับบริษัทลูกของยูไนเต็ท เทคโนโลยี คอร์ป ผู้ผลิตอากาศยานและบริษัทแม่ของแคเรียร์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ เพื่อแลกกับการที่บริษัทไม่ย้ายฐานการผลิตไปเม็กซิโกและยังคงจ้างงานชาวสหรัฐราว 1,000 อัตราต่อไป

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งฝั่งรีพับลิกันและเดโมแครต เนื่องจากแคเรียร์เปิดเผยเมื่อต้นปีว่าจะลดพนักงาน 1,300 อัตรา และข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้บริษัทอื่นไม่ย้ายฐานการผลิตหนี โดย เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า ทรัมป์กำลังให้การลดหย่อนภาษีกับเอกชนขนาดใหญ่เพื่อขอร้องให้เอกชนเหล่านั้นยังอยู่ในประเทศ ส่งผลให้แทนที่จะเป็นการช่วยเหลือแรงงาน กลับกลายเป็นการช่วยเอกชนหลายต่อหลายบริษัทได้รับการลดภาษีขนานใหญ่

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่ ของรัฐบาลจีน เปิดเผยว่า การต่อสายตรงพูดคุยระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน ของไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงการขาดประสบการณ์ด้านนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ และอาจกลายเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน

สำนักข่าวเอพีสัมภาษณ์ชาวไต้หวันหลายคน พบว่า การพูดคุยทางโทรศัพท์ดังกล่าวสร้างความหวังให้กับไต้หวันในการมีสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ รวมถึงทรัมป์จะช่วยให้ไต้หวันได้รับสถานะในระดับนานาชาติ หลังจีนตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังไช่อิงเหวินไม่ระบุยอมรับไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพิธีเข้าสาบานตนรับตำแหน่ง

เก้าเชิงหวาง คณบดีคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศศึกษาของมหาวิทยาลัยทัมกังในไต้หวัน กล่าวว่า จากการส่งสัญญาณดังกล่าว ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะผูกสัมพันธ์ทางการทหารและเศรษฐกิจกับไต้หวันมากขึ้น ซึ่งจะสร้างความไม่พอใจให้กับจีน

ภาพ...เอเอฟพี