posttoday

"มิงะกิ-อิชิโกะ" สตรอเบอร์รี่จากฟาร์มไฮเทค

23 ตุลาคม 2559

เรื่องราวของฟาร์มสตอเบอร์รี่ไฮเทคฝีมือของหนุ่มวิศวกรไอทีผู้ใช้เทคโนโลยีฟื้นฟูไร่สตรอเบอร์รี่หลังถูกคลื่นสึนามิทำลาย

เรื่องราวของฟาร์มสตอเบอร์รี่ไฮเทคฝีมือของหนุ่มวิศวกรไอทีผู้ใช้เทคโนโลยีฟื้นฟูไร่สตรอเบอร์รี่หลังถูกคลื่นสึนามิทำลาย

คลื่นยักษ์สึนามิที่ซัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อเดือน มี.ค.ปี 2011 นอกจากจะพรากชีวิตของผู้คนนับหมื่นคน ทำลายอาคารบ้านเรือนและทรัพย์สินอื่นๆ แล้ว ยังส่งผลกระทบกับพื้นที่เกษตรซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของญี่ปุ่น จนเกษตรกรบางรายแทบจะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตการทำไร่ทำนาที่คุ้นชินไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทน รวมถึงผู้คนในเมืองยะมะโมะโตะ จ.มิยะงิ ที่สวนสตรอเบอร์รี่ของพวกเขาถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองภายในเวลาไม่กี่นาที

แต่ ฮิโระกิ อิวะสะ วิศวกรไอทีผู้อยู่เบื้องหลังตราสินค้า มิงะกิ-อิชิโกะ สามารถฟื้นคืนชีวิตชาวสวนสตรอเบอร์รี่อีกครั้ง ด้วยการนำภูมิปัญญาของเกษตรกรในพื้นที่มาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนได้ผลผลิตที่คุณภาพดี ออกดอกออกผลได้ตลอดปี จากเดิมที่เคยให้ผลผลิตปีละครั้งและต้องพึ่งพาสภาพอากาศเพียงอย่างเดียว

ในช่วงที่บ้านเกิดถูกสึนามิถล่ม อิวะสะ ทำงานด้านวิศวกรไอทีอยู่ที่กรุงโตเกียว แต่หลังจากที่เดินทางกลับไปเป็นอาสาสมัครช่วยผู้ประสบภัยที่บ้านเกิด เขากลับพบว่าไร่สตรอเบอร์รี่กว่า 4,000 แห่งได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด จึงตัดสินใจนำความรู้ด้านไอทีของเขามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในเมืองด้วยการทำไร่สตรอเบอร์รี่ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองยะมะโมะโตะอีกครั้งในอีก 4 เดือนต่อมา ในนามของบริษัท GRA (General Reconstruction Association)

อิวะสะ จ้างชาวไร่ท้องถิ่นที่สูญเสียอาชีพจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิมาทำงานในไร่ของเขาโดยให้เป็นที่ปรึกษา ส่วนตัว เขาเองก็นำภูมิปัญญาของชาวบ้านที่รับการถ่ายทอดไปต่อยอดกับเทคโนโลยีที่เขาชำนาญ โรงเรือนเพาะปลูกสตรอเบอร์รี่แบบไร้ดินหลังแรกสำเร็จเป็นรูปร่างในอีก 2 เดือนถัดมา

การทำไร่แบบดั้งเดิมพึ่งพาสัญชาตญาณและประสบการณ์ในการควบคุมผลผลิต แต่ทุกอย่างในโรงเรือนสตรอเบอร์รี่ของ GRA ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความชื้น หรือการให้สารอาหารแก่ต้นพืช ผลผลิตที่ได้จึงคุณภาพสม่ำเสมอกันและมีให้ทานตลอดปี

"มิงะกิ-อิชิโกะ" สตรอเบอร์รี่จากฟาร์มไฮเทค

ผลผลิตสีแดงสดของที่นี่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเองถึง 3 เท่าตัว อิวะสะ เผยว่า “แบรนด์สินค้าของเขาเปรียบเสมือนคำสัญญากับผู้บริโภคว่า ลูกค้าต้องได้ลิ้มลองสตรอเบอร์รี่คุณภาพเดียวกันตอดทั้งปี” ซึ่งทำให้มิงะกิ-อิชิโกะเป็นที่รู้จักและต้องการไปทั่วประเทศ รวมถึงต้องผลิตสินค้าที่เหนือกว่าคู่แข่งทั่วโลก เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถแข่งกับคนอื่น หรือแม้แต่ในญี่ปุ่นเองได้

นอกจากผลผลิตที่เจ้าของหนุ่มการันตีคุณภาพแล้ว ฟาร์มสตรอเบอร์รี่ไฮเทคแห่งนี้ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเก็บสตรอเบอร์รี่และทัวร์โรงเรือนล้ำสมัยในเมืองชนบทนี่ราว 10,000 คนจากทั่วโลก ซึ่งพอๆ กับจำนวนประชากรของ จ.ยะมะโมะโตะ สร้างรายได้ให้ท้องถิ่นตามที่ อิวะสะ ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม

ความสำเร็จของมิงะกิ-อิชิโกะในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ อิวะสะ ได้รับเชิญจากหน่วยงานในประเทศอินเดียให้ช่วยแนะนำเรื่องการปลูกสตรอเบอร์รี่แก่ชาวบ้าน อิวะสะ เล็งเห็นโอกาสทองในการปลูกสตรอเบอร์รี่ที่อินเดียทันที เนื่องจากพบว่าสตรอเบอร์รี่ที่นำเข้ามาด้อยคุณภาพ ทั้งยังมีราคาสูง ในที่สุด เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาจึงตัดสินใจสร้างโรงเรือนที่นี่อีกแห่งหนึ่ง

ความใฝ่ฝันเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือ เผยแพร่เทคโนโลยีทางการเกษตรจาก จ.ยะมะโมะโตะ บ้านเกิดของเขาให้ขจรขจายไปทั่วญี่ปุ่นและทั่วโลก

ภาพ : GRA

ที่มา www.m2fnews.com