posttoday

พบอุโมงค์ลับ2แห่งในมหาพีระมิดแห่งกีซา

20 ตุลาคม 2559

โครงการ Scan Pyramids ตรวจพบ"ความผิดปกติ" 2 จุดภายในมหาพีระมิดแห่งเมืองกีซา ชี้อาจเป็นห้องลับที่ไม่เคยพบมาก่อน

โครงการ Scan Pyramids ตรวจพบ"ความผิดปกติ" 2 จุดภายในมหาพีระมิดแห่งเมืองกีซา ชี้อาจเป็นห้องลับที่ไม่เคยพบมาก่อน

เมื่อช่วงต้นปีนี้ M2F เคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการตรวจสอบมหาพีระมิดที่เมืองกีซา ประเทศอียิปต์ โดยใช้เทคโนโลยีสแกนด้วยระบบตรวจจับความร้อน หรืออินฟราเรด เธอโทกราฟี ภายใต้ชื่อโครงการ Scan Pyramids ล่าสุด โครงการนี้มีผลคืบหน้าแล้ว หลังจากตรวจพบ "ความผิดปกติ" 2 จุดภายในมหาพีระมิดแห่งเมืองกีซา ซึ่งความผิดปกติดังกล่าวอาจเป็นห้องลับที่ไม่เคยพบกันมาก่อน

ในเวลาต่อมาโครงการ Scan Pyramids ยืนยันว่าพบช่องว่างซ่อนอยู่ด้านทิศเหนือของมหาพีระมิด ซึ่งอาจเป็นอุโมงค์ที่นำไปสู่ด้านในที่ลึกเข้าไปของพีระมิดอายุกว่า 4,500 ปี ส่วนลักษณะ รวมถึงขนาดและที่ตั้งที่แน่ชัดของช่องว่างนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่คาดว่าจะทราบได้ก่อนสิ้นเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้ Scan Pyramids ใช้วิธีการยิงรังสีมิวออน (Muon) ซึ่งเกิดจากการใช้รังสีอินฟราเรดพลังความร้อน มีอานุภาพคล้ายกับรังสีเอกซ์ที่สามารถฉายทะลุร่างกายของมนุษย์จนเห็นโครงกระดูก รังสีมิวออนก็เช่นกันสามารถฉายทะลุก้อนหินที่มีความหนาหลายร้อยฟุตได้ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการทดลองยิงรังสีเพื่อตรวจสภาพภายในของพีระมิดหักงอ (Bent Pyramid) ที่เมืองดาห์ชูร์ เมื่อนเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว และได้ผลลัพธ์เมื่อเดือน พ.ค.ปีนี้ จนกระทั่งตัดสินใจนำมาตรวจสอบกับมหาพีระมิดแห่งกีซาเป็นแห่งสุดท้าย เนื่องจากมีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด

พบอุโมงค์ลับ2แห่งในมหาพีระมิดแห่งกีซา

ในเบื้องต้นก่อนหน้านี้ มีการค้นพบความผิดปกติในมหาพีระมิดจำนวน 1 แห่ง จนเกิดกระแสถกเถียงในหมู่นักโบราณคดีว่า ภายในพีระมิดอาจมีเครือข่ายอุโมงค์ที่เชื่อมโยงกันอยู่และไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน กระทั่งมีการค้นพบความผิดปกติรวม 2 จุด ยิ่งทำให้แน่ใจว่าอาจมีเครือข่ายอุโมงค์ซ่อนอยู่ภายในดังที่คาด

ด้าน เมห์ดี ตายูบี ผู้ก่อตั้งสถาบันนวัตกรรมอนุรักษ์มรดก หรือ HIP เปิดเผยว่า ช่องว่างที่พบด้านทิศเหนือไม่มีเส้นทางเชื่อมโยงถึงกัน แต่ทราบคร่าวๆ ว่ามีลักษณะเป็นอุโมงค์ซึ่งอาจมุ่งตรงไปยังใจกลางของพีระมิด

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่กังขาต่อการค้นพบในครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ ซาฮี ฮาวัสส์ อดีตผู้อำนวยการขุดค้นมหาพีระมิดแห่งกีซา แห่งกระทรวงโบราณคดีแห่งอียิปต์ ซึ่งแสดงความเห็นว่า ไม่น่าจะมีห้องลับที่หลงหูหลงตาซ่อนอยู่ในมหาพีระมิดอีก และความผิดปกติที่พบน่าจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อสร้างพีระมิดในอดีตเสียมากกว่า

พบอุโมงค์ลับ2แห่งในมหาพีระมิดแห่งกีซา

อย่างไรก็ดี มหาพีระมิดแห่งกีซา หรือพีระมิดคูฟู เป็นพีระมิดแบบอียิปต์ที่มีขนาดใหญ่โตสุด คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยฟาโรห์คูฟู แห่งราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณเมื่อประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เชื่อกันว่าใช้เป็นที่ฝังพระศพของฟาโรห์คูฟู แต่ยังไม่พบหลักฐานยืนยัน อีกทั้งยังมีปริศนาเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างแห่งนี้อีกมากที่ยังรอการค้นพบ อนึ่ง มหาพีระมิดนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนพีระมิดหักงอที่เมืองดาห์ชูร์ ฟาโรห์สนอฟรู เมื่อราว 2,600 ก่อนคริสตกาล ซึ่งเมื่อเดือน พ.ค. ทางทีมงานโครงการ Scan Pyramids ได้ค้นพบอุโมงค์ลับ 2 ช่องทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตก ซึ่งนำไปสู่ห้องฝังพระศพ อย่างไรก็ตาม ในห้องฝังพระศพไม่เพียงแค่ไม่พบพระศพของฟาโรห์ แต่ยังมีลักษณะที่ไม่เหมาะจะเป็นสุสานหลวงอีกด้วย นับเป็นการหักล้างทฤษฎีที่เชื่อถือกันมานานว่าพระศพของฟาโรห์สนอฟรูถูกฝังไว้ในพีระมิดแห่งนี้

ที่มา www.m2fnews.com