ตัวนิ่มกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์หากไม่มีใครทำอะไรสักอย่าง

ตัวนิ่มเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกค้าขายมากที่สุด หลายล้านตัวต้องถูกพรากไปจากป่าเพื่อกลายมาเป็นอาหารอันโอชะ หรือยาตามความเชื่อของมนุษย์

เจ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแสนขี้อาย และมักจะม้วนตัวเป็นลูกกลมๆเมื่อมีภัยคุกคาม ใช่แล้วสัตว์ที่ว่าคือตัวนิ่มนั่นเอง ซึ่งคุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าขณะนี้ตัวนิ่มถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกล่า และค้าขายมากที่สุดในโลก จนในที่ประชุมของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ของแอฟริกาใต้ ต้องยกเรื่องตัวนิ่มขึ้นมาประชุม เพื่อช่วยกันหาทางรอดให้แก่พวกมันเลยทีเดียว ด้วยความพยายามแบนการค้าตัวนิ่มระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันการค้าขายตัวนิ่มนั้นยังคงสามารถทำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่เข็มงวด

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีตัวนิ่มจำนวนหลายล้านที่ถูกพรากออกไปจากป่า และต้องกลายเป็นสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกส่งให้กับจีน และเวียดนาม ซึ่งยกย่องตัวนิ่มว่าเป็นอาหารอันโอชะ และยารักษาโรคมากสรรพคุณ

ในแอฟริกามีตัวนิ่มด้วยกัน 4 สายพันธุ์ และในเอเชียอีก 4 สายพันธุ์ งานวิจัยที่เผยแพร่เมื่อปี 2000 กล่าวว่าจำนวนตัวนิ่มในเมืองจีนนั้นลดลงถึง 94% เจ้าสัตว์ที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยเหล่านี้จะขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อมีภัยคุกคาม ซึ่งนั่นทำให้ยิ่งง่ายต่อการจับพวกมันลงไปในกระสอบ

ตัวนิ่มมีขนาดประมาณสุนัขขนาดเล็กเท่านั้น พวกมันหากินกลางคืน และเป็นสัตว์ป่า เรย์ แจนซัน ตัวแทนจากองค์กรที่ช่วยเหลือตัวนิ่มในแอฟริกากล่าวว่า ตัวนิ่มดูแลยากมากเมื่อพวกมันถูกจับอยู่ในกรง มันจะทานเฉพาะมด และปลวกเท่านั้น และการถูกขังจะทำให้มันเผชิญกับความเครียด ตลอดจนภาวะขาดน้ำ ซึ่งจะนำไปสู่ความตายก่อนที่ตัวนิ่มเหล่านี้จะถูกส่งถึงที่หมายด้วยซ้ำ

ในจีนมีความเชื่อกันว่าเกล็ดของตัวนิ่มที่ถูกป่นเป็นผงจะช่วยรักษาอาการปวดหัว, เลือดกำเดาไหล และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้ ซึ่งบางครั้งยังพบว่ามีการขายปิ๊คกีต้าร์ที่ทำจากเกล็ดของตัวนิ่มด้วย

ในแอฟริกามีความเชื่อว่าหากพกเกล็ดของตัวนิ่มไว้ในกระเป๋าจะช่วยปกป้องตัวเองจากปีศาจร้ายได้ นอกจากนั้นไขมันจากตัวนิ่ม, เลือด และกระดูกก็มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคเช่นกัน

ข้อมูลที่ได้จากแจนซัน ในแอฟริกาใต้ ตัวนิ่มหนึ่งตัวมีราคาตั้งแต่ 730 - 5,800 ดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว (ประมาณ 25,000 - 200,000 บาท) ซึ่งราคานั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

สำหรับประเทศที่มีกฏหมายห้ามการค้าตัวนิ่มระหว่างประเทศได้แก่ ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไนจีเรีย, เซเนกัล และสหรัฐอเมริกา จากสนธิสัญญาโดย CITES ที่เซ็นโดย 182 ประเทศทั่วโลก ขณะนี้มีสัตว์จำนวน 5,600 สายพันธุ์ และพืชอีก 30,000 สายพันธุ์ที่ได้รับการปกป้องจากการค้าเชิงพาณิชย์ และในการประชุมตลอด 12 วัน ซึ่งเพิ่งเริ่มไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ จะพูดคุยในประเด็น 62 ประเด็นเกี่ยวกับการกระชับ หรือผ่อนปรนนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสัตว์อีก 500 สายพันธุ์ และแน่นอนหนึ่งในนั้นคือตัวนิ่ม

ขอบคุณภาพจาก AFP