แบนการใช้ไมโครบีดส์ในผลิตภัณฑ์ เหตุกระทบสิ่งแวดล้อม

เม็ดพลาสติกเล็กๆที่พบในครีมอาบน้ำ, โฟมล้างหน้า และยาสีฟัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่คิด

คุณผู้อ่านคงจะเคยใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิว หรือใบหน้า ที่ทางผู้ผลิตโฆษณาว่าเม็ดบีดส์เล็กๆเหล่านั้น ในครีมอาบน้ำ, โฟมล้างหน้า ตลอดจนยาสีฟันจะช่วยขัดและทำความสะอาดผิว และฟันของคุณให้เนียนสวย แต่ทราบหรือไม่ว่าเม็ดบีดส์เหล่านั้นเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก และในการอาบน้ำเพียงแค่ 1 ครั้งนั้น มีเม็ดไมโครบีดส์เหล่านี้หลุดกระจายไปกับยังแหล่งน้ำถึง 100,000 เม็ดเลยทีเดียว

ประเด็นการพูดถึงผลผลกระทบจากไมโครบีดส์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมนี้ ถูกพูดถึงมาตั้งแต้ช่วงต้นปี ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ทางคณะกรรมการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลของสหราชอาณาจักรได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้บริโภคหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของไมโครบีดส์ รวมถึงกล่าวว่าพวกเขาจะทำการแบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้เอง หากสหภาพยุโรปยังคงไม่ออกกฏหมายกำกับอย่างจริงจัง

แมรี่ เคร็ก หนึ่งในคณะกรรมการกล่าวว่า ไมโครบีดส์จำนวนล้านล้านชิ้นกำลังถูกสะสมในหลายมหาสมุทรทั่วโลก และทำลายระบบนิเวศอย่างช้าๆ ตลอดจนห่วงโซ่อาหารด้วยเช่นกัน

สาเหตุที่ไมโครบีดส์ถูกมองว่าเป็นวายร้ายก็เพราะขนาดเที่เล็กมากๆของมัน ซึ่งเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรเสียอีก โดยขยะพลาสติกเหล่านี้เมื่อสะสมในแหล่งน้ำแล้วจะทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิตในน้ำเข้าใจผิดว่าวัตถุเหล่านี้เป็นอาหาร และกินมันเข้าไป ซึ่งไมโครบีดส์เหล่านี้จะสะสมในตัวพวกมัน ส่งผลเสียต่อสุขภาพเพราะวัตถุเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ จากรายงานระบุว่าในหอยนางรมหนึ่งตัวสามารถพบเม็ดพลาสติกเหล่านี้ได้ถึง 50 เม็ดเลยทีเดียว

นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่า ขยะจากไมโครบีดส์คิดเป็นปริมาณ 0.01% - 4.1% จากปริมาณขยะพลาสติกทั้งหมดในทะเล

จากการสำรวจพบว่ามีสิ่งมีชีวิตถึง 280 สายพันธุ์ ที่พบว่าพวกมันกลืนกินไมโครบีดส์เข้าไป

ขณะนี้มีหลายบริษัทที่ตระหนักถึงผลกระทบของไมโครบีดส์ และยกเลิกการผลิตสินค้าดังกล่าว ทั้งนี้การดำเนินการควบคุมไปอีกขั้นโดยการใช้กฏหมายเป็นสิ่งที่ทางคณะกรรมการกำลังเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพราะนอกจากความกังวลด้านระบบนิเวศแล้ว แน่นอนว่าคงไม่มีผู้บริโภคคนใดอยากที่จะทานอาหารทะเลที่มีขยะพลาสติกเหล่านี้อยู่ภายในเป็นแน่