ญี่ปุ่นเล็งสร้างเหรียญโอลิมปิก จากขยะอิเล็กทรอนิกส์

คณะกรรมการโอลิมปิกญี่ปุ่นวางแผนสร้างเหรียญรางวัลจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มการรีไซเคิลปัญหาขยะเหล่านี้

ไอเดียการสร้างเหรียญรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จากขยะอิเล็กทรอนิกส์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี โดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากลชาวญี่ปุ่น และได้นำเสนอให้รัฐบาล รวมถึงบริษัทเอกชนเรียบร้อยแล้ว

เดิมทีนั้นเจ้าภาพการจัดงานโอลิมปิกจะได้รับโควต้าโลหะ จากเหมืองแร่ แต่สำหรับญี่ปุ่นประเทศที่มีเหมืองแร่เป็นของตัวเอง พวกเขาต้องการสร้างเหรียญรางวัลเกียรติยศนี้ ด้วยหลักการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล

สำหรับรีโอเกมส์ที่เพิ่งจบลงไปนั้น ทางผู้จัดงานได้ใช้ทองคำที่ผ่านกระบวนการสกัดโดยปราศจากสารปรอท ส่วนเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงนั้นถูกสร้างจากแหล่งแร่รีไซเคิล

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ทางญี่ปุ่นหมายถึงนั้น ยกตัวอย่างเช่นโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต ซึ่งอุปกรณ์เล็กๆเหล่านี้มีแร่ประกอบอยู่มากมาย เช่น แพลทินัม, แพลเลเดียม, ทองคำ, เงิน, ลิเธียม, โคบอลต์ และนิกเกิลเป็นต้น

ในขณะที่เศษรถยนต์ และขยะจากเครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้านเรือนนั้นก็ประกอบไปด้วยเหล็ก, ทองแดง, ตะกั่ว และสังกะสี โดยกระบวนการเคมีจะช่วยในการแยกแร่โลหะต่างๆออกจากกัน ซึ่งวิธีการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นที่นิยมในหลายประเทศเช่น จีน, อินเดีย และอินโดนีเซีย

และสำหรับญี่ปุ่นเอง ประเทศนี้ได้ชื่อว่ามีการรีไซเคิลขยะสูงที่สุดในเอเชียอยู่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นขยะจำพวกพลาสติก และแก้ว ประมาณกันว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่นแต่ละปีนั้นมีจำนวนมากถึง 650,000 ตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียงไม่ถึง 100,000 ตันที่ถูกนำมารีไซเคิลใหม่ ดังนั้นการสร้างเหรียญรางวัลจากขยะเหล่านี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ญี่ปุ่นวางแผนไว้

อย่างไรก็ตามปริมาณของเหรียญรางวัลที่ใช้ในการแข่งขันนั้นยิ่งต้องเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะโอลิมปิกที่โตเกียวในปี 2020 นั้น มีการเพิ่มกีฬาอีก 5 ประเภทเข้าไป ได้แก่ เบสบอล, สเก็ตบอร์ด, คาราเต้, ปีนเขา และเซิร์ฟบอร์ด

รีโอเกมส์ที่ผ่านมามีการสร้างเหรียญรางวัลทั้งสิ้น 5,130 เหรียญ มากกว่าที่ลอนดอนเกมส์ เมื่อปี 2012 ซึ่งมีจำนวน 4,700 เหรียญ ด้านคณะกรรมการโอลิมปิกสากลกำหนดไว้ว่าต้องมีทองคำบริสุทธิ์เป็นส่วนประกอบ 6 กรัม ทั้งนี้มูลค่าของทองคำในปัจจุบันนั้นแพงกว่าเงินถึง 70 เท่า ดังนั้นในโตเกียวโอลิมปิก ปี 2020 อาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากญี่ปุ่นก็เป็นได้