posttoday

"เบร็กซิต"ยังป่วนไม่หยุด ทุบหุ้นโลก100ล้านล้าน

29 มิถุนายน 2559

ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกสูญมูลค่าไป 105 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน หลังฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษออกจากอียู เป็นฝ่ายชนะในการทำประชามติ

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์ 

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกสูญมูลค่าไป 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 105 ล้านล้านบาท) ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน หลังจากฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) เป็นฝ่ายชนะในการทำประชามติ และสร้างความผันผวนไปทั่วโลก

ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศพัฒนาแล้วสูญมูลค่ามากกว่าตลาดเกิดใหม่ โดยสูญไปทั้งหมด 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 98 ล้านล้านบาท) เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ที่ 1.79 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.2 ล้านล้านบาท) โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ของสหรัฐ ปรับตัวลง 5.37% หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 35 ล้านล้านบาท) นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันก่อนการประกาศผลประชามติ

นิโคลัส โคลัส หัวหน้านักกลยุทธของคอนเวอร์เจ็กซ์ บริษัทโบรกเกอร์และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า นักลงทุนจะพิจารณา 2 ปัจจัยหลักนั่นคือ เสถียรภาพของค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโร รวมถึงเสถียรภาพของตลาดทุนทั่วโลก ก่อนที่จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ดัชนีนิกเกอิ 225 ปิดตลาดแดนบวก 0.09% หรือ 15,323.14 จุด เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจากวันนที่ 27 มิ.ย.ที่ 2.4% ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้นไป 0.5% และตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ฟื้นตัวขึ้นมาปิดตัวแดนบวก 0.6%

ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็เปิดตัววันที่ 28 มิ.ย.อย่างสดใสเช่นเดียวกัน โดยตลาดหุ้นอังกฤษเปิดตัวปรับตัวขึ้นไป 1.6% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นกรุงปารีสที่ปรับตัวขึ้นไป 2.25% ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดตัวขึ้นไป 2%

คาดกลับสู่ยุคทองคำรุ่งเรือง

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 25% แล้วตลอดทั้งปี 2016 นี้ โดยหลังจากเบร็กซิต ราคาทองคำซื้อขายอยู่ที่ราว 1,330 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในปี 2011 ซึ่งบรรดานักลงทุนกังวลต่อการถกเถียงขยายเพดานหนี้สาธารณะของสภาคองเกรส ประกอบกับสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) สถาบันจัดอันดับเครดิต เดินหน้าลดอันดับความน่าเชื่อถือเอกชนสหรัฐ

แฟรงค์ โฮล์มส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนจาก ยู.เอส.โกลบอล อินเวสเตอร์ส บริษัทลงทุนในสหรัฐ คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะกลับขึ้นไปแตะ 1,500 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ได้ จากผลกระทบจากเบร็กซิตจะทำให้บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดต่ำลง เช่น พันธบัตรเยอรมนีที่อยู่ในแดนลบ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ที่ผลตอบแทนอยู่ที่ราว 1.4% เท่านั้น

“ราคาทองคำจะขึ้น เมื่อมีดอกเบี้ยติดลบ” โฮล์มส์ กล่าว

ขณะที่ เดวิด บีห์ม ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแบลนชาร์ด แอนด์ โค คาดว่า ราคาทองคำอาจกลับไปเหนือ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ได้ หากเบร็กซิต ตามมาด้วยเน็กซิต หรือการที่เนเธอร์แลนด์ถอนตัวจากอียู

ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้หุ้นของไมเนอร์ นิวมอนท์ หนึ่งในผู้ผลิตทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่ปรับตัวขึ้นไปในวันที่ 24 มิ.ย.และ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั้งปีหุ้นขึ้นไปแล้วถึง 110% ขณะที่ด้านนักลงทุนบางรายก็เข้าไปลงทุนในทองคำก่อนหน้าเบร็กซิต เช่น จอร์จ โซรอส นักลงทุนชื่อดัง ที่เข้าลงทุนในบริษัท บาร์ริค โกลด์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำแท่งรายใหญ่ที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวลดลง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยโคเมกซ์ปรับตัวลง 0.59% หรือ 7.8 เหรียญ เป็น 1,316.90 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เมื่อเวลา 04.57 น. ตามเวลาฝรั่งตะวันออกสหรัฐ ขณะที่โกลด์สปอต ปรับตัวลง 0.94% หรือ 12.48 เหรียญสหรัฐ เป็น 1,312.12 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หลังจากที่ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่และค่าเงินปอนด์เริ่มฟื้นตัว

เก็งปอนด์ลงทำกำไรเฮดจ์ฟันด์

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ทำกำไรได้จากตลาดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันประกาศผลการทำประชามติของอังกฤษ เช่น กองทุนของจีซีไอ แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ ที่ทำรายได้ได้ 10.5% จากการเก็งค่าเงินปอนด์จะอ่อนค่าลง หรือชอร์ตโพสิชั่น และเก็งว่าค่าเงินเยนจะแข็งค่าขึ้น

“พวกเราลงทุนในตำแหน่งที่พวกเราสามารถได้ผลตอบแทนสูงในกรณีที่อังกฤษโหวต ‘ออก’ และไม่ได้สูญเสียมากนักหากผลออกมาเป็น ‘อยู่’ กองทุนของเราจึงมีผลกำไรสูงในขณะที่ตลาดกำลังผันผวน” เคียว ยามาโมโตะ หัวหน้าวิจัยและกลยุทธ์ของ
จีซีไอ แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ กล่าว

ด้าน โกลบอล แมโคร ฟันด์ ในสิงคโปร์ สามารถทำกำไรได้ 6.2% จากราคาพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ สหรัฐ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ด้าน คริสปิน โอดีย์ สามารถทำกำไรได้มากกว่า 15% จากการชอร์ตโพสิชั่นมานานนับตั้งแต่ปี 2015 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ด้าน จอร์จ โซรอส กลับลงตำแหน่งลองโพสิชั่นค่าเงินปอนด์ หรือเก็งค่าเงินปอนด์จะแข็งค่าขึ้น แม้จะแสดงความคิดเห็นก่อนหน้าการทำประชามติว่า เบร็กซิตจะทำให้ค่าเงินปอนด์จะร่วงลงมากกว่า 20% โดยโฆษกกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของนักลงทุนชื่อดัง ระบุว่า โซรอสเก็งลองโพสิชั่นค่าเงินปอนด์ เนื่องจากโซรอส มองภาพรวมของตลาดทุนโลกจะปรับตัวลดลงและอังกฤษจะเลือกอยู่กับอียู แต่โซรอสยังได้กำไรจากการลงทุนอื่น