posttoday

สอบเว็บยักษ์ใหญ่ละเลย ปล่อยข้อมูลเก๊ลวงคนจนตาย

04 พฤษภาคม 2559

"จีน"สั่งสอบ 2 เว็บไซต์ชื่อดัง เผยแพร่โฆษณาการรักษาโรคมะเร็งอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้ป่วยหลงเชื่อไปรักษาตามจนเสียชีวิต

"จีน"สั่งสอบ 2 เว็บไซต์ชื่อดัง เผยแพร่โฆษณาการรักษาโรคมะเร็งอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้ป่วยหลงเชื่อไปรักษาตามจนเสียชีวิต

เกิดความสั่นสะเทือนในวงการอินเทอร์เน็ตของจีนครั้งใหญ่จนนำมาสู่การกวาดล้างแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน เมื่อเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้นและโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีนอย่าง ไป่ตู้ ต้องเผชิญเสียงตำหนิและข้อกล่าวหาจากทั้งสื่อของรัฐบาลและผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ว่าบริษัทคำนึงถึงผลประกอบการมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หลังนักศึกษารายหนึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพราะรักษาอาการตามคำแนะนำจากโฆษณาที่ปรากฏในเว็บไซต์

สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า เว่ยเจ๋อซี นักศึกษาจากมณฑลซานซีวัย 21 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อนบริเวณหัวเข่าตั้งแต่ปี 2014 เขาเข้ารับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ปรากฏขึ้นเป็นอันดับแรกหลังจากค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ไป่ตู้ อ้างว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งที่เขาเป็นอยู่ด้วยเซลล์ที่สกัดจากภูมิคุ้มกันของตัวคนไข้ โดยโรงพยาบาลอ้างว่าเป็นวิธีที่ได้ผล ทั้งยังมีการพัฒนาและร่วมวิจัยโดยทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐ ซึ่งการรักษาครั้งนี้เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 200,000 หยวน หรือราว 1.07 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถยื้อชีวิตของเขาไว้ได้

ก่อนเสียชีวิต เว่ยระบายความผิดหวังและอัดอั้นตันใจของตัวเองผ่านจือฮู เว็บไซต์ถามตอบปัญหาของจีนว่า ไป่ตู้โฆษณาข้อมูลทางการแพทย์อันเป็นเท็จและกล่าวหาโรงพยาบาลว่าโฆษณาหลอกลวงประชาชน เนื่องจากวิธีการรักษาที่โรงพยาบาลอ้างในโฆษณานั้นไม่เป็นความจริง และไม่มีการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งนักวิจัยทั่วโลกก็กำลังถกเถียงเรื่องประสิทธิภาพของการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวอยู่

วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา คุณพ่อของเว่ยโพสต์ข้อความในเว็บไซต์จือฮูแจ้งว่าลูกชายเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อ 2 วันก่อนหน้า นับแต่นั้นมา โพสต์ของเว่ยก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ของจีน ส่วนไป่ตู้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก็ถูกสังคมรุมชี้นิ้วว่าเอาชีวิตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาเสี่ยงเพียงเพื่อแลกกับผลกำไรของบริษัท เนื่องจากโฆษณาเกี่ยวกับสุขภาพของไป่ตู้ไม่ได้เรียงลำดับตามประสิทธิภาพของการรักษา แต่จัดเรียงตามจำนวนเงินค่าโฆษณาที่บริษัทได้รับ โดยไม่ได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานรับรองทางการแพทย์เกี่ยวกับโฆษณานั้นๆ อย่างเพียงพอ

ภายหลังไป่ตู้โต้กลับกระแสวิจารณ์ว่า บริษัทได้ตรวจสอบข้อมูลของโรงพยาบาลที่เว่ยเข้ารับการรักษาแล้วและจะตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยระบุว่าวิธีการรักษาที่ใช้กับเว่ยนั้นเป็นการให้บริการโดยบุคคลภายนอกอีกต่อหนึ่ง และมีการลบโฆษณาชิ้นที่เว่ยเคยเปิดอ่านออกจากเว็บไซต์ แต่ผู้ใช้กลับพบโฆษณาการรักษาวิธีเดียวกันจากโรงพยาบาลแห่งเดียวกันสำหรับโรคมะเร็งต่างชนิดกันปรากฏในไป่ตู้อยู่

แม้ครอบครัวผู้เสียหายจะยังไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างเป็นทางการ แต่ทางการจีนก็ไม่นิ่งเฉย สั่งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกำกับดูแลเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ เข้ามาร่วมสอบสวนไป่ตู้ นอกจากนี้ เว็บไซต์ซีน่าของจีนยังรายงานว่า มีการเรียกตัว โรบิน หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไป่ตู้ ไปสอบปากคำด้วย

หลังจากข่าวการสอบสวนถูกเผยแพร่ออกไปส่งผลให้หุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐร่วงลง 7.92% นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวจีนเกือบ 20,000 คนโดยเว็บไซต์ซีน่า ยังพบว่า มีคนจีนไม่ถึง 3% เท่านั้นที่เห็นว่าไป่ตู้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเว่ย ขณะที่อีก 47.5% เห็นว่าบริษัทไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับโฆษณาเกี่ยวกับสุขภาพ