ไทยแห่ลงทุนเวียดนาม ดันควบรวมกิจการทุบสถิติ
นักธุรกิจและภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าแบรนด์ไทย หันมาขยายธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
รอยเตอร์สเปิดเผยว่า นักธุรกิจและภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าแบรนด์ไทย หันมาขยายธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเวียดนาม แซงหน้าสินค้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน นอกจากนี้ การที่ภาคเอกชนไทยหันไปลงทุนในเวียดนาม อาจส่งผลให้มูลค่าการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) ของปี 2016 อาจพุ่งสูงทุบสถิติเดิมที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.39 แสนล้านบาท) ในปีก่อนหน้า
จอห์น ที ดิตตี้ หุ้นส่วนผู้จัดการของ เคพีเอ็มจี บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลก คาดการณ์ว่า ภาคเอกชนไทยจะหันไปลงทุนทางธุรกิจในเวียดนามมากขึ้นผ่านเอ็มแอนด์เอ พร้อมระบุด้วยว่า เศรษฐกิจของไทยขยายตัวในระดับต่ำ โดย มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตรายใหญ่ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยในปี 2016 จะอยู่ที่ 2.5% ลดลงจาก 2.8% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง
สวนทางกับเศรษฐกิจของเวียดนามที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเวียดอินแบงก์ ซีเคียวริตี้ส์ ระบุว่า รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดค้าปลีกอาจพุ่งถึง 1.79 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.24 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2020 จากระดับต่ำกว่า 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.83 ล้านล้านบาท) ในปีก่อน
บรรดานักกลยุทธ์คาดการณ์ว่า ภาคเอกชนจากไทยจะช่วยทำลายสถิติเอ็มแอนด์เอเดิมได้ในปีนี้ หลังจากที่ สิงห์ เอเชีย โฮลดิ้งส์ ในเครือบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ เข้าซื้อหุ้นของเมซาน กรุ๊ป ราว 25% ในเมซาน คอนซูเมอร์ โฮลดิ้งส์ และ 33% ในเมซาน บริวเวอรี่ มูลค่ารวมกว่า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.83 หมื่นล้านบาท) เพื่อขยายตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ นักกลยุทธ์ชี้ว่า เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตนม ธุรกิจในกลุ่มของเจริญ สิริวัฒนภักดี อาจเข้าซื้อหุ้นของ ไวนามิลค์ บริษัทผลิตนมยักษ์ใหญ่ของเวียดนามราว 45% มูลค่ากว่า 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.08 แสนล้านบาท) โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อหุ้นของเหวียน คิม ธุรกิจค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในเวียดนาม ราว 49 หุ้น มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6,981 ล้านบาท)
รอยเตอร์สระบุด้วยว่า ธุรกิจของเจริญอาจระส่ำอีกครั้ง หากไทยเบฟเวอเรจประสบความสำเร็จในการขึ้นติดอันดับผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่รายที่ 3 ของเอเชีย รองจากจีนและญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ไทยเบฟเวอเรจเล็งเจรจาซื้อหุ้นของ ไซ่ง่อนเบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์ป หรือซาเบโก้ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มเบียร์รายใหญ่ของเวียดนาม
โชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คาดการณ์ว่า จำนวนภาคเอกชนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในเวียดนามอาจเพิ่มขึ้น 2 หรือ 3 เท่าภายในปี 2019
“ชาวเวียดนามชอบสินค้าไทย และผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทย” โชคดี ระบุ
สำหรับการประมูลเข้าซื้อห้างค้าปลีก บิ๊กซี เวียดนาม นั้น ล่าสุดรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ลอตเต้ กรุ๊ป บรรษัทข้ามชาติด้านอาหาร เคมีภัณฑ์ และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ เตรียมถอนตัวจากการร่วมประมูลซื้อ บิ๊กซี เวียดนาม โดยการเสนอราคาประมูลครั้งสุดท้ายจะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้
แหล่งข่าวระบุว่า ลอตเต้ไม่ได้มีความสนใจแข่งประมูลซื้อห้างค้าปลีกในเวียดนามอย่างเข้มข้น เนื่องจากบิ๊กซี เวียดนาม ได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายบริษัท อาทิ ทีซีซี โฮลดิ้งส์ ธุรกิจในกลุ่มของเจริญ สิริวัฒนภักดี เครือเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ และอีออน ค้าปลีกจากญี่ปุ่น โดยมูลค่าการเข้าซื้ออาจสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.49 หมื่นล้านบาท)
กระแสการเข้าไปลงทุนในเวียดนามของภาคเอกชนไทยที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อสินค้าและผลิตภัณฑ์จากไทยอย่างมาก โดยรอยเตอร์สระบุว่า ชนชั้นกลางในเวียดนามมีความนิยมในสินค้าและผลิตภัณฑ์จากไทย มากกว่าสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน เนื่องจากคุณภาพสินค้าไทยดีกว่า และเข้าถึงได้สะดวกกว่ามาก
ฮองอัน ลูกค้าร้านนำเข้าสินค้าจากไทยในกรุงฮานอย ระบุว่า ชื่นชอบสินค้าจากไทยมากกว่าจากประเทศอื่น และไม่กังวลเรื่องการปนเปื้อนในสินค้า เนื่องจากสินค้าจีนมีคุณภาพต่ำและเป็นอันตราย
สอดคล้องกับ บุ่ยถวยหงา นักธุรกิจชาวเวียดนาม กล่าวว่า มีการซื้อขายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากไทยอย่างรวดเร็วในเวียดนาม ส่งผลให้ร้านค้าปลีกและส่งสินค้าจากไทยได้รับความนิยมอย่างมาก โดยหงาคาดว่าจำนวนร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าไทยเพียงอย่างเดียวอาจเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายมีเกือบทุกประเภท อาทิ แชมพู พลาสติก ยาสีฟัน
“ในช่วงแรกธุรกิจของผมไม่ราบรื่นอย่างที่คาดไว้ แต่ตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้ดี และตลาดสินค้าไทยก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว” หงา กล่าวย้ำ
ขณะเดียวกัน กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่า ยอดการนำเข้ารถยนต์จากไทยของเวียดนามในไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 64.5% เทียบรายปี แตะ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4,900 ล้านบาท) ส่งผลให้ไทยครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เวียดนามถึง 30% แซงหน้าจีนและเกาหลีใต้ เนื่องจากแผนการปรับลดภาษีการนำเข้ารถยนต์ภายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งส่งผลให้ราคารถยนต์ที่นำเข้าจากไทยลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งจากจีนและเกาหลีใต้


