พม่ายุบกระทรวงทิ้ง ลดรายจ่ายทุ่มพัฒนาชาติ
สภาเมียนมาปรับลดตำแหน่งรัฐมนตรีจาก 36 ตำแหน่ง เหลือ 21 วางแผนยุบกระทรวงลดอิทธิพลกองทัพ
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
สภาเมียนมามีมติ 611 ต่อ 3 ปรับลดตำแหน่งรัฐมนตรีลงจากเดิมที่ 36 ตำแหน่ง เป็น 21 ตำแหน่ง เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยการปรับลดสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 142 ล้านบาท)
เน็งทูออง จากพรรคสันนิบาตชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเป็นสิ่งสำคัญ โดยจำนวนรัฐมนตรีที่มากเกินไปเป็นการใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองและยังทำให้เสียเวลาในการดำเนินการ
เมียนมาไทมส์ ระบุว่า การปรับลดค่าใช้จ่ายแสดงให้เห็นถึงแผนการจัดการกับงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลใหม่เมียนมา อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี ถิ่นจอ แถลงการณ์ว่า การปรับลดจำนวนรัฐมนตรีเป็นไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายรัฐบาล และค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะนำไปลงทุนด้านการศึกษา สาธารณสุข และการพัฒนาเขตชนบท
ขณะเดียวกัน ถิ่นจอ ยืนยันว่า จะไม่มีการปลดราชการออกจากการปรับลดดังกล่าว โดยพรรคเอ็นแอลดีวางแผนที่จะย้ายข้าราชการในกระทรวงที่ถูกยุบไปยังภาคส่วนอื่นของรัฐบาล
ซูจีไม่นั่งเป็นรัฐมนตรี
ซอมินต์หม่อง โฆษกพรรคเอ็นแอลดี ของเมียนมา เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า อองซานซูจี เลขาธิการพรรคเอ็นแอลดีและผู้ผลักดันประชาธิปไตยในเมียนมา ไม่มีแนวโน้มเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีโดยเปรียบเทียบกับสหรัฐที่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติซึ่งเปี่ยมอิทธิพล แต่ไม่ได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
“ก็เหมือนกับที่นี่ เธอจะนำพรรคเพื่อที่เธอจะได้นำรัฐบาลในรูปแบบของพรรค” โฆษกคนดังกล่าวระบุ
ประธานาธิบดี ถิ่นจอ ของเมียนมา เตรียมเสนอชื่อคณะรัฐมนตรีกับรัฐสภาในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวของจีน เปิดเผยว่า ทั้งสมาชิกจากพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา(ยูเอส
ดีพี) และพรรคเอ็นแอลดี จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย
ยุบกระทรวงลดอิทธิพลกองทัพ
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวนิกเกอิ รายงานว่า พรรคเอ็นแอลดีวางแผนที่จะยุบรวมกระทรวงเหมืองกับกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป่าไม้ โดยภาคส่วนเหมืองเป็นภาคส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ ดังนั้นกระทรวงเหมืองจึงเป็นกระทรวงที่ทำประโยชน์ให้แก่กองทัพเป็นอย่างมาก
ความตึงเครียดระหว่างกองทัพและพรรคเอ็นแอลดียังคงอยู่ โดยกองทัพตั้งคำถามถึงการเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่ผ่านมา และการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคส่วนที่เป็นประโยชน์จากกองทัพจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งปะทุมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้กองทัพจะมีที่นั่งในรัฐสภาเมียนมาถึง 1 ใน 4 แต่คะแนนเสียงที่ลงมติแสดงให้เห็นถึงความสมานฉันท์ของกองทัพและพรรคเอ็นแอลดี โดยอองเหลียงวิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเอ็นแอลดี เปิดเผยว่า สมาชิกสภาหลายคนที่มาจากกองทัพเลือกที่จะลงคะแนนเสียงให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยกองทัพเข้าใจดีถึงความจำเป็น และการร่วมมือนี้นับเป็นการพัฒนาของสภาเมียนมา
ชูกระทรวงชาติพันธุ์แก้ขัดแย้ง
ถิ่นจอ เปิดเผยว่า การจัดตั้งกระทรวงชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นกระทรวงใหม่ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศที่มีความขัดแย้งทางชนกลุ่มน้อย ในขณะที่เมียนมาต้องการสันติภาพ การพัฒนา และความยั่งยืน
สำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งของเมียนมาส่งผลให้ประชาชนราว 2.4 แสนคนต้องอพยพ โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่น ซึ่งมีการสู้รบระหว่างกองทัพและกลุ่มกบฏยังคงดำเนินต่อไป และในรัฐยะไข่ พื้นที่ซึ่งชาวโรฮีนจาอาศัยอยู่


