จีนย้ำแทรกแซงตลาดทันเวลา
รองขุนคลังจีนยืนยันว่าจีนจำเป็นต้องแทรกแซง หากเกิดภาวะปั่นป่วนขึ้นในภาคการเงิน
รองขุนคลังจีนยืนยันว่าจีนจำเป็นต้องแทรกแซง หากเกิดภาวะปั่นป่วนขึ้นในภาคการเงิน
จูกวางเหยา รองรัฐมนตรี คลังจีนให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ยืนยันว่า จีนจำเป็นต้องเข้าแทรก แซงสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดความปั่นป่วนขึ้นในภาคการเงิน ซึ่งการแทรกแซงของจีนก็ทันการณ์และสามารถทำให้สถานการณ์สงบลงได้
ท่าทีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนมีขึ้นหลังจากที่เกิดความปั่นป่วนในตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นของจีนเอง ซึ่งทำให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนปรับลดลงไปมากกว่า 40% ทีเดียว หลังจากที่จีนได้สร้างความประหลาดใจให้กับทั่วโลกด้วยการปรับลดค่าเงินลงถึง 3 วันติดต่อกัน หลังจากนั้นจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 9 เดือน เพราะทำให้ตลาดหยุดความโกลาหลลง
รองรัฐมนตรีคลังของจีนปกป้องมาตรการเหล่านี้ว่า ไม่เพียงแต่จีนเท่านั้นที่ใช้มาตรการปกป้องตลาดทุนเช่นนี้ แม้แต่ในสหรัฐ อังกฤษ หรือประเทศอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
จู ย้ำว่า รัฐบาลจีนได้ยืนหยัด ในการดำเนินมาตรการตามหลักการณ์ “สาม T” อันได้แก่ ทันเวลา (Timely) ชั่วคราว (Temporary) และตามเป้าหมาย (Targeted)
“เราคิดว่าบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ และการเข้าแทรกแซงได้ทันเวลาก็ทำให้ภาวะตื่นตระหนกสามารถกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมด้วย เราเชื่อจริงๆ ว่า ตลาดจะกลับสู่สภาวะปกติได้ในอีกไม่นาน” จู กล่าว
การให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ มีขึ้นในรายการ อามันปูร์ โชว์ ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น โดย จู ยังกล่าวด้วยว่า จีนมีความเชื่อว่าเงินหยวนควรจะได้รับการรวมเอาไว้ในตะกร้าเงินพิเศษของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งหมายความว่าเงินหยวนจะกลายป็นเงินสกุลหลักของโลกไปโดยปริยายทีเดียว
ในขณะนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังคงอยู่ในระหว่างการทบทวนถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้มีเพียงเงินเหรียญสหรัฐ ปอนด์อังกฤษ ยูโร และเยนญี่ปุ่นเท่านั้นที่รวมอยู่ในตะกร้าเงินนี้
“เราเชื่อว่า เงินของจีนควรจะรวมอยู่ในตะกร้าเงินเอสดีอาร์ ของไอเอ็มเอฟ จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของหลายประเทศ” จูย้ำแม้ว่าจีนจะต้องใช้ความพยายามอีกอย่างมากก็ตาม โดยที่จีนจะเดินหน้าปฏิรูปภาคการเงินต่อไปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ของจีนและการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมไปถึงการเติบโตที่เกิดจากการผลักดัน
“เราหวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาเติบโตได้ที่ราว 7-8% ต่อไป”จูกล่าว
ภาพ เอเอฟพี