posttoday

Jajatanti คนธรรมดาที่น่าติดตาม

21 มกราคม 2560

มีสักกี่คนที่เดินทางได้เกือบรอบโลกในวัย 23 ปี อย่างเธอคนนี้ จ๊ะจ๋า-ภัทราพร ตันติวัตนะ ผู้หญิงที่ใช้เวลา 2 ปี

โดย...ฤดูกาล ภาพ : Jajatanti

มีสักกี่คนที่เดินทางได้เกือบรอบโลกในวัย 23 ปี อย่างเธอคนนี้ จ๊ะจ๋า-ภัทราพร ตันติวัตนะ ผู้หญิงที่ใช้เวลา 2 ปีในการเดินทางไปในที่ที่อยากไปและทำสิ่งใหม่ที่อยากลอง ทำให้ตอนนี้เธอเป็นนักดำน้ำระดับแอดวานซ์ เป็นนักกระโดดร่ม (Skydiving) และเป็นคนธรรมดาที่มีคนติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 2.8 หมื่นคน

 ปีนี้เธอเพิ่งเปิดเว็บไซต์ www.jajatanti.com ไว้เป็นหน้าบ้านหาเพื่อนไปท่องเที่ยวด้วยกันในเส้นทางที่เธอออกแบบเอง รวมทั้งยังเป็นที่รวบรวมประสบการณ์การเดินทางเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นกล้าใช้ชีวิต เหมือนที่เธอเคยได้รับมาด้วย

 จ๋าเล่าว่า ชีวิตของตนเปลี่ยนเมื่อได้เห็นภาพของโลกใบนี้ในอินสตาแกรม โดยเฉพาะเมื่อได้ติดตามภาพของ islandviewhawaii บริษัทดำน้ำที่พานักท่องเที่ยวไปว่ายน้ำกับฉลาม ทำให้เธอเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมฉลามไม่กินคน

 “จ๋าเป็นคนที่ถ้ามีคำถามแล้วจะไม่ปล่อยให้มันหายไป เลยส่งอีเมลไปถามบริษัทดำน้ำที่ตามอินสตาแกรมอยู่ว่าถ้าอยากไปว่ายน้ำกับปลาฉลามต้องทำยังไง แล้วจ๋าก็ได้ไปฮาวายจริงๆ ตอนปลายปี 2557 ซึ่งการว่ายน้ำกับฉลามมันเปลี่ยนชีวิตจ๋าไปเลย เพราะมันคือความสนุกความตื่นเต้นที่อยากทำอะไรแบบนี้อีก และที่สำคัญคือมันทำให้เราได้ค้นพบว่านี่คือสิ่งที่เราชอบมากกว่าชีวิตที่เราเคยเป็น”

 หลังจากนั้น เธอได้ดำน้ำอีกหลายไดฟ์จนค้นพบคำถามใหม่กับการเดินป่า และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการตั้งคำถามกับกีฬากระโดดร่ม จ๋าฉายเดียวไปสเปนเพื่อเรียนและสอบไลเซนส์ให้เป็นนักกระโดดร่มโดยใช้เวลา 3 สัปดาห์ เธอก็ได้เป็นสมใจ

Jajatanti คนธรรมดาที่น่าติดตาม

 

 กิจกรรมสุดโต่งและภาพที่สวยงามน่าจะเป็นตัวดึงดูดให้คนกดติดตาม ซึ่งเธอเล่าว่าในช่วงแรกที่มีอินสตาแกรมยังมีคนติดตามอยู่ในหลักพันต้นๆ แต่เมื่อซื้อกล้องถ่ายรูปแล้วเดินทางไปกรีซ อังกฤษ และฝรั่งเศส เป็นช่วงที่มีคนติดตามมากขึ้นเป็นหลักพันปลายๆ หลังจากนั้นเมื่อได้ผันตัวไปทำกิจกรรมดำน้ำ เดินป่า กระโดดร่ม ก็ยิ่งทำให้ภาพสวย ยิ่งทำให้คนติดตาม และยิ่งทำให้เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงและคนรุ่นใหม่กล้าออกไปใช้ชีวิต

 “ปีที่แล้วเป็นปีที่มีฟอลโลวเวอร์เพิ่มเยอะที่สุดจากทริปไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ แสงเหนือ ซึ่งนอกจากจะมีคนไทยติดตามแล้ว ยังมีคนต่างชาติมาติดตามด้วย” เธอกล่าวต่อ

 “ถ้าพูดตามตรง โดยส่วนตัวจ๋าเองจะแคร์จำนวนคนไลค์ภาพมากกว่าจำนวนฟอลโลวเวอร์ เพราะรู้สึกว่าคนที่ติดตามเราแต่ไม่ได้ติดตามเราจริงๆ จะมีประโยชน์อะไร แต่คนที่ไลค์คือคนที่ซึมซาบถึงผลงานเราจริงๆ และทุกภาพจ๋าจะพยายามเขียนแคปชั่นที่เราเจอมาจริงๆ ที่เกิดขึ้นจริงๆ จะไม่หยิบคำพูดเท่ๆ ของใครมาเพราะมันไม่ใช่เรื่องราวของจ๋า เวลาคนมาอ่านเขาจะได้รู้ว่าเราไปทำอะไร มีเรื่องราวยังไง เผื่อเขาสนใจที่จะตามรอยเราซึ่งเป็นเรื่องที่จ๋าอยากให้มันเกิดขึ้น”

 นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เธอได้เปิดเว็บไซต์ www.jajatanti.com เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางและเปิดพื้นที่ขายทริปที่ออกแบบเอง โดยทริปแรกเธอได้พา “ลูกค้า” ไปดำน้ำกับฉลามวาฬที่เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ นับเป็นการต่อยอดในสิ่งที่เธอสั่งสมมากลายเป็นงานพาคนเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร

Jajatanti คนธรรมดาที่น่าติดตาม

 

 ทริปต่อไป เธอคาดว่าจะจัดในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งกำลังตัดสินใจระหว่างไอซ์แลนด์กับนิวซีแลนด์ว่าจะไปที่ไหนดี เป้าหมายสูงสุดเธออยากจัดทริปแบบเดือนเว้นเดือน หรืออย่างน้อย 4 ทริปใน 1 ปี ซึ่งนี่เป็นอาชีพที่เธอนิยามว่าเป็นนักออกแบบการท่องเที่ยว (Travel Designer) ที่หลายคนฝันอยากจะเป็น แต่วันนี้จ๋าทำให้เป็นจริงแล้ว

 ทั้งนี้ จ๋าเลือกใช้อินสตาแกรมและเว็บไซต์เป็นการสื่อสารหลัก ซึ่งท้าทายกว่าบล็อกเกอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นสื่อกลาง เพราะต้องวัดด้วยฝีมือเพียงอย่างเดียว ส่วนเพจเฟซบุ๊กนั้นเธอจะเริ่มทำอย่างจริงจังภายในปีนี้ หลังพัฒนาเว็บไซต์สมบูรณ์ เธอกล่าวทิ้งท้าย

 "จ๋าอยากเปลี่ยนมุมมองคนไทยด้วยว่า ในโลกนี้ยังมีสถานที่อีกมากมายให้ไปสัมผัส ไม่ใช่มีเพียงสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังเท่านั้น อย่างคนชอบถามจ๋าว่าในรูปนั้นคือที่ไหน ทำไมไม่เคยเห็นเลย จ๋าบอกได้เลยว่าทุกที่ล้วนมีความสวยงามมากกว่าสิ่งที่เห็น ขอแค่มองมันให้เจอ และเมื่อเกิดคำถามแล้ว อยากให้กล้าออกไปหาคำตอบ เพราะคำตอบนั้นอาจพาไปเจอในสิ่งที่”

 ติดตามการเดินทางครั้งใหม่ของจ๊ะจ๋าได้ทางอินสตาแกรม เว็บไซต์ และเพจเฟซบุ๊กชื่อ jajatanti ทุกช่องทาง