posttoday

Mannheim The Creative City เมืองแห่งการสร้างสรรค์

01 ตุลาคม 2559

“Mannheim เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็น The Creative City ของโลก” หลังจากเดินทางอยู่ในเมือง “Mannheim”

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

“Mannheim เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็น The Creative City ของโลก”

หลังจากเดินทางอยู่ในเมือง “Mannheim” ประเทศเยอรมนีไม่นาน เราก็ค้นพบว่าการมีผังเมืองที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายตารางหมากรุกนั้น ทำให้เมืองนี้สามารถเดินเที่ยวเองได้ง่ายๆ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงมีคนเชื้อชาติต่างๆ อพยพมาจากกว่า 170 ประเทศ เข้ามาที่เมืองนี้ ทำให้มีอาหารการกินที่หลากหลาย Mannheim จึงอาจจะเป็นจุดหมายใหม่ในการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

นอกจากจะเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทั้งเรื่องผู้คนและอาหารการกินแล้ว Mannheim ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลกจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Daimler ผู้ผลิตรถยนต์คุณภาพเยี่ยมอย่าง Mercedes-Benz ที่คนไทยรู้จักกันดี หรือ Unilever ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ไปจนถึง Siemens กลุ่มบริษัทวิศวกรรมขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป ก็ล้วนแล้วแต่มีสำนักงานอยู่ที่เมืองนี้

Mannheim The Creative City เมืองแห่งการสร้างสรรค์ ภาพมุมสูงของเมือง Mannheim

 

การจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัทระดับโลกนั้น จะต้องเกิดจากความเชื่อมั่น และหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นในทางธุรกิจคือความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะที่ Mannheim นั้น เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า GKM ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาดใหญ่ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้กว่า 2,000 เมกะวัตต์ เมื่อมีความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าจึงเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมของเมืองนี้มีความมั่นคง ส่งผลให้เศรษฐกิจดี ผู้คนรายได้ดี นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี

นอกจากความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว Mannheim ก็คล้ายกับอีกหลายเมืองในประเทศเยอรมนีที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวควบคู่กันไปด้วย โดยที่นี่มีสวนสาธารณะ “Luisenpark” ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่กลางเมืองที่มีชื่อเสียง และขึ้นชื่อว่ามีการจัดภูมิทัศน์ได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป

Mannheim The Creative City เมืองแห่งการสร้างสรรค์ มุมยานพาหนะใน Technoseum

 

พื้นที่สวนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ สวนด้านนอกที่ไม่เก็บค่าบริการ จะเห็นผู้คนพากันมาเดินเล่น ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ขณะที่สวนด้านในนั้นมีการเก็บค่าเข้าชมทั้งแบบเหมาวันและรายปี เมื่อเข้าสู่ด้านในแล้วจะมีมุมกิจกรรมต่างๆ เวทีการแสดง รวมถึงเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ อีกด้วย โดยเฉพาะเรือที่เรียกกันว่า “Gondoletta” แค่ซื้อตั๋วแล้วลงไปนั่ง เรือก็พาชมสวนโดยไม่ต้องออกแรงปั่นหรือถีบเพราะใช้ระบบอัตโนมัติ

การล่องเรือชมสวน นอกจากจะทุ่นแรง ทุ่นเวลา และเพลิดเพลินแล้ว ทำให้มีโอกาสได้สังเกตผู้คนที่มาทำกิจกรรมต่างๆ ที่สวนแห่งนี้ ส่วนใหญ่มักจะมาเป็นครอบครัว จากการสอบถามจึงรู้ว่าบางคนไม่ได้อาศัยอยู่ที่ Mannheim แต่เลือกจ่ายค่าบำรุงรายปีให้กับสวนแห่งนี้ เพื่อพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมในช่วงวันหยุด

ใกล้ๆ กันกับ Luisenpark เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ “Technoseum” ซึ่งเดินต่อไปไม่ไกล ที่นี่เปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 มีส่วนจัดแสดงที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมด้านต่างๆ ของประเทศเยอรมนีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และมีเจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส คอยให้ข้อมูลทุกส่วนจัดแสดงแก่ผู้มาเยี่ยมชม

เราได้รับคำแนะนำว่าควรจะเริ่มจากการนั่งรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยหัวรถจักรไอน้ำเป็นอย่างแรก ซึ่งเด็กๆ ดูตื่นเต้นและสนุกสนานกับกิจกรรมนี้มาก นอกจากนั้นแล้วหนึ่งในส่วนจัดแสดงที่โดดเด่นของที่นี่ คือแบบจำลองรถยนต์คันแรกของ Karl Benz ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมที่พลิกโฉมหน้าการคมนาคมขนส่งของโลก และจัดแสดงครั้งแรกที่เมือง Mannheim แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในปีหน้า ค.ศ. 2017 ที่เมืองนี้กำลังจะมีนิทรรศการ 200 ปี จักรยานโลก เพราะจักรยานคันแรกของโลกก็จัดแสดงครั้งแรกที่เมืองนี้เช่นเดียวกัน โดยที่ Technoseum นี้มีแบบจำลองจักรยานในยุคต่างๆ ให้พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจอีกด้วย

Mannheim The Creative City เมืองแห่งการสร้างสรรค์ อากาศดี ท้องฟ้าสดใสที่ Luisenpark

 

เจ้าหน้าที่ของ Technoseum นำเราชมส่วนจัดแสดงต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศเยอรมนีซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยให้เหตุผลว่าในปัจจุบันเป็นช่วงของ Energy Transition เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีเงื่อนไขมากมาย โดยเฉพาะหากจะมุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ

เช่น หากสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้เพียงพอในพื้นที่หนึ่ง แต่จำเป็นต้องนำไปใช้ยังอีกพื้นที่หนึ่ง จะนำไปอย่างไรให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ต้องมีระบบ Grid ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อเชื่อมโยง หรือจะจัดเก็บพลังงานอย่างไรให้อยู่ได้นานที่สุด เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานก็ยังไม่ก้าวหน้าทันต่อความต้องการใช้ได้ตลอดเวลา

เมื่อมองในภาพรวมแล้ว ขณะที่มีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อนำสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ความจำเป็นในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานก็ต้องพัฒนาควบคู่กันไป ไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินหรือนิวเคลียร์ก็ได้รับการพัฒนาให้ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่นับวันมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น พร้อมๆ กับการพัฒนานวัตกรรมการขนส่งพลังงานและการจัดเก็บพลังงานเพื่อนำไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในอนาคต และที่ Technoseum นี้ ทำให้เรามองเห็นภาพรวมของการพัฒนาด้านพลังงานตามความเป็นจริง โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานสูงมาก เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้าไปจำหน่ายทั่วโลก

ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะแวะไปทักทายพระเอกของ Technoseum นั่นคือหุ่นยนต์อัจฉริยะ “Pual” ที่สามารถส่งเสียงทักทายได้ ขยับตัวได้ จึงกลายเป็นเป็นขวัญใจของทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของ “Mannheim” หนึ่งในเมืองที่เป็น The Creative City ของโลก ได้ในรายการโลก 360 องศา คืนวันเสาร์ ทาง ททบ.5

Mannheim The Creative City เมืองแห่งการสร้างสรรค์ ล่องเรือ Gondoletta ชมสวน