posttoday

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

01 ตุลาคม 2559

หญิงเก่งแห่งค่ายหนังสร้างสุข จีน่า-จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช 559

โดย...รอนแรม

หญิงเก่งแห่งค่ายหนังสร้างสุข จีน่า-จินา โอสถศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีดีเอช 559 ค่ายหนังที่สร้างความสุขให้คนดูหนังไทย

GDH 559 ย่อมาจาก Gross Domestic Happiness หมายถึง หน่วยวัดความสุขใจของผู้ชมและคนทำงาน ส่วนตัวเลข 559 หมายถึง ฤกษ์ดีของบริษัทที่เปิดวันที่ 5 ม.ค. 59 และตรงกับจำนวนผู้ถือหุ้น จำนวน 59 คน โดยจีดีเอชเป็นความร่วมมือของ 2 บริษัท คือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และหับ โห้ หิ้น บางกอก

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

นอกจากนี้ จีน่ายังเป็นประธานบริษัท หับ โห้ หิ้น บางกอก บริษัทผลิตหนังและโฆษณา ตั้งแต่อายุ 25 ปี ที่อายุพอๆ กับอายุการทำงานในวงการหนังของเธอ

เธอทำงานหนัก แต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตเธอก็ยังเดินทางหนัก ตามหลัก “สุขนิยม” ที่ยึดทำมาตลอดทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ทริปส่วนตัว ทริปทำงาน ทริปไหว้พระ ทุกอย่างเกิดขึ้นไปพร้อมกับงานยุ่งๆ ใน 6 บริษัทที่ต้องดูแล

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

ทำงานไป เที่ยวไป

สิบกว่าปีก่อนสมัยยังทำแต่หับ โห้ หิ้น เธอเดินทางบ่อย (มาก) เช่น ทริปกลับไปเที่ยวนิวยอร์กทุกปีตั้งแต่จบปริญญาโทที่นั่นมา

“นิวยอร์กเป็นสวรรค์ของการกิน การกินทุกชนิดมีหมด อาหารไทย เกาหลี ฝรั่ง และเป็นเมืองที่ไม่หลับใหลทำให้เที่ยวได้กินได้ตลอดเวลา”

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

แต่ต่อมาเมื่อร่วมก่อตั้งบริษัททำภาพยนตร์ไทยทำให้เธอมีเวลาเที่ยวน้อยลง หรือพูดให้ชัดคือ มีเวลาเที่ยวยาวๆ หลายวันน้อยลง ดังนั้นเมื่อมีเวลาเที่ยวเมื่อไร เธอจะทุ่มเทกับการพักผ่อนต่างจากสมัยก่อนที่จะเที่ยวเต็มที่

“เดี๋ยวนี้จะไปแต่ที่ที่สบายเท่านั้น จะเลือกโรงแรมดีๆ แต่ไม่ใช่ว่าเรามีตังค์ เราแค่รู้สึกเหนื่อยเลยอยากหาสิ่งที่ดีให้ตัวเอง” เธอกล่าว

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

“ธรรมชาติของตัวเองเป็นคนที่ชอบไปทะเลมาก ทะเลเป็นเดสติเนชั่นที่ต้องไป ถ้าเราเป็นคนเลือกทริปเอง”

ถ้าเข้ามาดูชีวิตของเธอจะเห็นว่า จีน่าเป็นคนเดินทางบ่อย ทว่าหลายครั้งเป็นเพราะงาน เธอมีบริษัทในเครือ 6 บริษัท ทุกบริษัทเธอจะให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมเอาต์ติ้ง นั่นหมายความว่า ใน 1 ปีเธอต้องมี 6 ทริปเป็นอย่างน้อย

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

“การเดินทางไปทำงานมากๆ ทำให้การเดินทางส่วนตัวน้อยลง แต่ก็เที่ยวบ่อย เที่ยวเพราะไปเอาต์ติ้งกับบริษัทแล้วเราเป็นคนเลือกสถานที่ มัลดีฟส์ ฮอกไกโด และหลังๆ ชอบเดินทางไปไหว้พระ ไปรับพลังพรเยอะ อย่างที่ จีน อินเดีย เมียนมา แต่ถ้ากลับมาถามว่าความสุขในการเดินทางคืออะไร ก็จะเลือกทะเล”

เธอเล่าถึง ทะเลมัลดีฟส์ ที่เพิ่งไปเอาต์ติ้งกับบริษัท หับ โห้ หิ้น เมื่อปีที่แล้ว ฟังไม่ผิด เธอพาบริษัทไปเอาต์ติ้งที่มัลดีฟส์

“หับฯ เปิดมา 25 ปี ไปเอาต์ติ้งกันทุกปี” เธอไล่เรียงตั้งแต่ปีที่สองไปบาหลี ปีที่ห้าไปแอลเอ ปีที่เจ็ดไปอียิปต์ ปีที่สิบไปอิตาลี ปีที่สิบสองกับปีที่สิบสามไปเกาหลี ปีที่สิบห้าไปญี่ปุ่น ปีที่ยี่สิบไปฝรั่งเศส ปีที่ยี่สิบสองไปฮอกไกโด ปีที่ยี่สิบสี่ไปมัลดีฟส์ และในปีนี้ปีที่ยี่สิบห้าไปพักปารดี เกาะเสม็ด

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

“ทุกคนไปเหมือนกัน นอนเหมือนกัน บินเหมือนกัน กินเหมือนกัน อย่างหับฯ เราจะให้ทุกคนได้อยู่ดีกินดี กินของอร่อย ถ้าเดินทางก็จะพาไปที่ที่ ดีและมีความสุข ปีนี้ไปปารดีซึ่งเป็นการเอาต์ติ้งในเมืองไทยครั้งแรกทุกคนก็มีความสุข ถ้าบริษัทมีเงินเราจะไปเที่ยว เราจะไปสร้างความสุขร่วมกัน” ประธานบริษัท หับ โห้ หิ้น กล่าว

นอกจากนี้ การเดินทางยังทำให้เธอพบพลังแห่งศรัทธาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างทริปอินเดีย ที่ได้ไปยังเมืองมรดกโลก ณ เมืองออรังกาบัด สู่หมู่ถ้ำอชันต้า ที่ทำให้เห็นความศรัทธาของผู้คนต่อศาสนา หรือเมียนมาที่เธอไปทุกปี หลักๆ คือ ชเวดากอง อินแขวน พุกาม มัณฑะเลย์ ไปบ่อยจนสามารถเป็นสะพานบุญพาเพื่อนพี่น้องไปไหว้ได้

“การเดินทางทำให้เราค้นพบสองอย่าง หนึ่งคือ ได้ไปในที่ใหม่ๆ เจอคนใหม่ สิ่งใหม่ วัฒนธรรมใหม่ สองคือ ไปในที่เดิมๆ เพื่อพักผ่อน” เธอเพิ่มเติม

เมื่อค้นพบจึงได้ฝึกจิต เธอเล่าว่า แต่ก่อนทำงานหนัก สมองคิดตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลาหลับ แต่เมื่อเดินทางไปหาธรรมะ จิตก็เริ่มสงบ เริ่มปล่อยวาง ความเครียดเริ่มลดลง ส่งผลให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

เดินทางไปเปิดโลก

การเดินทางคือการเปิดโลก เปิดโลกทัศน์เปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่ เธอให้ความหมายของการเดินทาง

“คุณอยู่ร่วมกันในสังคมที่แตกต่างกัน เมื่อเราเดินทางไปเมืองฝรั่ง ฝรั่งเขาจะมีวัฒนธรรมการกินแบบหนึ่ง มีมารยาทในการแชร์แบบหนึ่ง มีระบบคิวต่อแถว และมีประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เห็นในบ้านเราเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเรามีเงินที่พอจะเที่ยวได้ จะบอกกับทุกคนเลยว่าให้ไปเมืองนอก ซึ่งประเทศที่ควรไปมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นจะสอนให้เราเป็นคนน่ารัก เป็นคนเผื่อแผ่ คิดถึงคนอื่น ซึ่งโดยส่วนตัวชอบไปชาร์จพลังที่นั่น และเป็นประเทศที่ไปซ้ำได้ตลอดเวลา”

ถ้าถามว่าตอนนี้รูปแบบการเที่ยวของจีน่าเป็นแบบไหน เธอตอบว่า เที่ยวเพื่อพักผ่อน ขออยู่ในโรงแรมไม่หรู แต่สวย เก๋ อยู่สบาย แบบเจ้าของเอาใจมาทำ ถ้าเลือกได้อยากอยู่ใกล้ทะเล และมีที่ให้ออกกำลังกาย เพราะโดยปกติเธอจะวิ่งออกกำลังวันละ 5 กม. ซึ่งปัจจุบันเธอสามารถบาลานซ์ชีวิตทำงานกับการพักผ่อนได้อย่างดี

จินา โอสถศิลป์ เดินทางเปิดโลก

 

โลกของจีน่า

ถ้ามีโลกของตัวเอง เธออยากให้โลกใบนั้นเป็นโลกที่คนมีจิตใจของการให้ เพราะเมื่อทุกคนให้มากกว่ารับ โลกก็น่าจะมีความสุขมากกว่านี้

“อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกันแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะตอนนี้สังคมเรามีแต่ใจเราไม่มีใจเขา เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเราจะพูดว่า เขาๆๆ ไม่พูดว่า เราๆๆ สังคมและโลกของเรากำลังขาดจริยธรรม ศีลธรรม และคุณธรรม โดยเฉพาะโลกออนไลน์ที่ไม่มีจริยธรรมกันแล้ว

ดังนั้น โลกใบนั้นของตัวเองไม่จำเป็นต้องรวยแต่ต้องมีความสุขในการอยู่ร่วมกัน ฝึกการเป็นผู้ให้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นจริงได้ ถ้าทุกคนเริ่มทำจากตัวเอง เราต้องพยายามปรับตัวเองและบอกคนใกล้ชิดเรา ค่อยๆ เดินไปด้วยกัน แล้วจากนั้นผลลัพธ์มันจะขยายไปเรื่อยๆ”

ทั้งหมดเป็นโลกของจีน่า ที่ยังคงคอนเซ็ปต์สุขนิยมเช่นความเป็นจริงในตอนนี้