posttoday

‘Tanzania’ Land of colours

23 กรกฎาคม 2559

ทวีปแอฟริกาไม่เพียงขึ้นชื่อว่าเป็นทวีปที่มีความเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

ทวีปแอฟริกาไม่เพียงขึ้นชื่อว่าเป็นทวีปที่มีความเก่าแก่เท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย  ดังนั้นจึงไม่น่าเเปลกใจว่าที่นี่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งในสัปดาห์นี้ทีมงานโลก 360 องศา ก็จะขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับหนึ่งในประเทศที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุดของทวีปแห่งนี้ นั่นก็คือประเทศแทนซาเนีย (Tanzania) นั่นเอง

“สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย” (United Republic of Tanzania)  ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก มีเมืองหลวงชื่อว่า กรุงโดโดมา (Dodoma) ซึ่งถูกสถาปนาขึ้นใหม่เมื่อปี 1996 แทนเมืองหลวงเก่า คือ กรุงดาเอสซาลาม  (Dar es Salaam)  ปัจจุบันกรุงโดโดมาเป็นศูนย์กลางทางราชการของประเทศ

สำหรับพื้นที่ของประเทศแทนซาเนียนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นแผ่นดินใหญ่ เรียกว่า แทนกานยิกา (Tanganyika) และส่วนที่เป็นหมู่เกาะชื่อว่า แซนซิบาร์ (Zanzibar) โดยในอดีตนั้นพื้นที่สองส่วนนี้ไม่ได้อยู่รวมกัน ซึ่งถ้าหากว่าใครอยากจะรู้ว่าประวัติความเป็นมาของประเทศนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องมาดูกันที่ Jumba La MakumbushoYaTaifa พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงดาเอสซาลาม

‘Tanzania’ Land of colours จูเลียส อึนเยเรเร (Julius Nyerere) ประธานาธิบดีคนแรกของแทนซาเนีย

 

จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งบอกว่าดินแดนแถบนี้มีมนุษย์เข้ามาอยู่อาศัยเมื่อ 4,000 ปีที่แล้ว ซึ่งในยุคล่าอาณานิคม ปี 1498  Vasco da Gama นักเดินเรือชื่อดังชาวโปรตุเกสก็เป็นชาวตะวันตกชาติแรกที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ส่วนแทนกานยิกา หลังจากนั้นในปี 1506  โปรตุเกสก็ครอบครองดินแดนส่วนนี้ทั้งหมด แต่เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 17  มีชาวอาหรับจากโอมานกลุ่มหนึ่งเดินทางเข้ามาและเข้าปกครองหมู่เกาะแซนซิบาร์

หลังจากนั้นในปี 1840  สุลต่าน Seyyid Said จากโอมานได้แต่งตั้งเมืองแซนซิบาร์ให้เป็นเมืองหลวงของตน และทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการค้าทาสที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น  ในขณะเดียวกันพื้นที่ส่วนแทนกานยิกาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของเยอรมนี  และตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1  ซึ่งหลังจากนั้นต่อมาในปี 1961 แทนกายิกาก็ได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์  โดยมีสถานะเป็น “สาธารณรัฐแทนกานยิกา”  ภายใต้เครือจักรภพของอังกฤษ  เช่นเดียวกับหมู่เกาะแซนซิบาร์ที่กลายเป็นรัฐสุลต่านภายใต้การอารักขาของอังกฤษ  แต่ในปี 1964  ระบบสุลต่านในแซนซิบาร์ก็ถูกโค่นล้มโดยชาวพื้นเมืองแอฟริกัน  สาธารณรัฐแทนกานยิกาจึงร่วมกับหมู่เกาะแซนซิบาร์จัดตั้งเป็นสหสาธารณรัฐแทนกันยิกาและแทนซาเนียขึ้น  ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นสหสาธารณรัฐแทนซาเนียในทุกวันนี้

จะเห็นได้ว่าแค่เพียงประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ก็น่าสนใจมากๆ แล้ว  ดังนั้นทีมงานโลก 360 องศาก็เลยลงพื้นที่สำรวจกรุงดาเอสซาลามกันต่อ  ซึ่งความโดดเด่นของที่นี่อีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของประเทศ  เนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก  และเป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2   ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้เมืองแห่งนี้มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของแทนซาเนีย  อีกทั้งเป็นที่ตั้งของบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ ของประเทศ  เราจึงเห็นอาคารบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆ ที่ทันสมัยอยู่มากมายเลยทีเดียว

‘Tanzania’ Land of colours Ferry Fish Market ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในแทนซาเนีย

 

มากไปกว่านั้น กรุงดาเอสซาลามแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง ที่ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองแทนซาเนียกันอย่างจริงๆ ด้วย  เราจึงเริ่มต้นไปกันที่โคโคบีช (Coco Beach)  ชายหาดสาธารณะ  ซึ่งตั้งอยู่ที่แหลม Msasani  ชายหาดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าได้รับความนิยมมากที่สุดจากชาวแทนซาเนีย เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์สวยงามและเป็นเอกลักษณ์  จึงเหมาะกับการทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ  อย่างเช่น อาบแดด ว่ายน้ำ หรือเล่นเซิร์ฟ (Surfing) ซึ่งก็ต้องบอกว่าโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่นี่ก็จะคึกคักเป็นพิเศษอีกด้วย

แต่ถ้าหากใครไม่ค่อยชอบชายหาดที่มีผู้คนเยอะๆ  เราก็ขอแนะนำให้แวะไปที่หาดคูนดุคชี่  (Kunduchi Beach) ชายหาดอันเงียบสงบซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 9 กิโลเมตร ชายหาดแห่งนี้ทั้งสวย สะอาด อีกทั้งมีความเป็นธรรมชาติอยู่มากด้วย  ดังนั้นที่นี่จึงเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทชั้นนำหลายแห่งและยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนมากโดยเฉพาะชาวยุโรป

เป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงดาเอสซาลามนั้นมีภูมิประเทศติดกับชายฝั่งทะเลในมหาสมุทรอินเดีย ที่นี่จึงมีท่าเรือพาณิชย์ที่สำคัญๆ อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือท่าเรือ Kigamboni  ซึ่งเป็นที่ตั้งของเฟอร์รี่ ฟิช มาร์เก็ต (Ferry Fish Market) หรือที่ชาวพื้นเมืองเรียกกันว่า คิวูโคนี่ ฟิช มาร์เก็ต (Kivukoni Fish Market) ตลาดปลาที่ใหญ่และคึกคักที่สุดในกรุงดาเอสซาลาม

‘Tanzania’ Land of colours สาหร่ายสีเขียวสดเรียงรายอยู่บนพื้นรูปประหลาดตา ที่ Coco Beach

 

ว่ากันว่ามาที่นี่แล้ว คุณจะได้เห็นกิจวัตรประจำวันของคนพื้นเมืองอย่างหนึ่งก็คือ การประมูลปลาสดๆ ในตอนเช้ามืด (ก่อน 7 โมงเช้า) โดยทุกๆ เช้า  จะมีเรือประมงขนาดเล็กจำนวนมาก นำปลามาลงที่ตลาดแห่งนี้  บรรดาพ่อค้าจำนวนมากก็จะมารอประมูลกันอย่างล้นหลาม ซึ่งปลาเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะถูกส่งต่อไปยังร้านค้าต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งก็จะวางขายกันสดๆ ที่นี่  นอกเหนือจากปลาหลากหลายชนิดแล้ว ก็ยังมีอาหารทะเลอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึก ปูทะเล  กุ้งตัวโตๆ รวมไปถึงหอยทะเลชนิดต่างๆ อีกด้วย

ปิดท้ายการเดินทางในสัปดาห์นี้ด้วยการท่องเที่ยวแบบซาฟารี (Safari) ซึ่งเป็นไฮไลต์ของการเที่ยวในทวีปแอฟริกากันที่อุทยานแห่งชาติมิกูมิ (Mikumi National  Park)   อุทยานที่ใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของแทนซาเนีย  โดยมีพื้นที่ประมาณ 3,230 ตารางเมตร  ตั้งอยู่ห่างจากกรุงดาเอสซาลามมาทางตะวันตกเพียง 280 กิโลเมตร

อุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานที่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวจำนวนไม่มากนัก จึงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาก  ซึ่งนั่นก็ทำให้เราได้พบกับสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บกอย่างช้างแอฟริกัน ตัวอิมพาลา ม้าลาย  ยีราฟมาไซ  ฮิปโป รวมไปถึงนกป่าชนิดต่างๆ อีกด้วย

การเที่ยวชมซาฟารีของที่อุทยานมิกูมินั้น เราจะต้องเสียค่าผ่านประตูคนละ 30 เหรียญสหรัฐ ค่าเช่ารถคันละประมาณ 200 เหรียญสหรัฐ  ซึ่งหากมีรถส่วนตัวก็สามารถขับเข้าเที่ยวชมได้เลย และถ้าใครจะนอนค้างคืนก็เสียค่าเช่าที่พักคืนละไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ สำหรับ 2-3 คน  ซึ่งก็ต้องบอกว่าโดยรวมแล้วทริปนี้เสียค่าใช้จ่ายไม่เกินคนละ 200 เหรียญสหรัฐ จึงเป็นทริปที่ทั้งสะดวก ประหยัด และคุ้มค่ามากทีเดียว

หากจะสรุปสั้นง่ายๆ ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้คนอยากมาเที่ยวเเทนซาเนีย ก็ต้องยอมรับว่ามีอยู่ 3 ประการใหญ่ๆด้วยกัน หนึ่งก็คือเพราะคนแทนซาเนียเป็นคนยิ้มง่ายและเป็นมิตร  จึงทำให้เราไม่รู้สึกว่าคนแอฟริกันผิวสีนั้นดูโหดเหี้ยมหรือน่ากลัว แต่กลับน่าคบหา  สองก็คือค่าครองครองชีพที่นี่ไม่สูงจนเกินไป  และสามก็เป็นเพราะแทนซาเนียมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ  ชายหาด รวมไปถึงเกาะต่างๆ  ซึ่งยังคงมีทัศนียภาพที่สวยงามและมีความอุมสมบูรณ์อยู่มากมาย

ถ้าใครที่สนใจเดินทางมาเที่ยวประเทศแทนซาเนีย ก็สามารถเลือกเดินทางได้โดยบินจากประเทศไทยไปต่อเครื่องที่ดูไบ เคนยา หรือเอธิโอเปีย เพื่อไปลงที่กรุงดาเอสซาลาม ซึ่งสำหรับคนไทยนั้นสามารถมาขอวีซ่าปลายทาง ( Visa on Arrival ) ได้ที่ ตม.ของสนามบิน ก่อนจะเข้าประเทศ โดยเสียค่าธรรมเนียมคนละ 50 เหรียญสหรัฐ แต่ก็ต้องอย่าลืมฉีดวัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever Vaccine) ที่ประเทศไทย ก่อนการเดินทางอย่างน้อย 10 วันด้วย

เรื่องราวของประเทศแทนซาเนียยังไม่หมดเพียงเท่านี้  สามารถติดตามชมรายการโลก 360 องศา ได้ทาง ททบ.5  ทุกวันเสาร์ เวลา 21.20 น.