posttoday

France care the world, Thai do so

25 มิถุนายน 2559

ในศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นยุคที่ทั่วโลกพูดถึงการลดโลกร้อนอย่างจริงจังกันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเพราะว่า

โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]

ในศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นยุคที่ทั่วโลกพูดถึงการลดโลกร้อนอย่างจริงจังกันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเพราะว่าหลายๆ ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน และจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี่เอง ก็ทำให้เราต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง ไฟป่า หรืออุทกภัย ที่เกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงพืชพรรณและสัตว์ต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศเหล่านี้ด้วย ซึ่งก็ต้องบอกว่าประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศส ก็ไม่ได้นิ่งดูดายและให้ความสำคัญกับปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเอ่ยถึงประเทศฝรั่งเศส ก็คงต้องนึกถึงมหานครปารีส มหานครซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศแสนโรแมนติก มาดื่มด่ำกับศิลปะ มาสัมผัสวัฒนธรรมนอกกระแส รวมไปถึงมาสัมผัสความหรูหรามีสไตล์ ด้วยสาเหตุเหล่านี้เองคนต่างชาติจำนวนไม่น้อยจึงหาโอกาสเพื่อให้ได้เข้ามาเป็นพลเมืองของปารีส ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนหลายเชื้อชาติ หลากวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้

France care the world, Thai do so

 

จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ทำให้ปารีสต้องประสบกับปัญหาการจราจรที่ติดขัดและมลพิษทางอากาศ นั่นก็เป็นเพราะจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้น พร้อมใจกันปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่กรุงปารีสเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับอีกเมืองใหญ่ๆ ของทุกประเทศทั่วโลกด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ประเทศฝรั่งเศสจึงให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน โดยการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเรื่องลดโลกร้อน ได้แก่ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 หรือที่เรียกกันว่า “COP 21” ซึ่งเป็นการประชุมที่เปิดโอกาสให้ผู้นำประเทศต่างๆ แสดงการสนับสนุนทางการเมืองในระดับสูงสุดต่อการเจรจาจัดทำความตกลงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จ รวมถึงแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

France care the world, Thai do so

 

นอกจากนั้น ฝรั่งเศสยังมีการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยลดโลกร้อน อย่างเช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง การกำหนดมาตรฐานยานพาหนะ การจำกัดจำนวนรถที่วิ่งบนท้องถนน และการลดกิจกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้ ก็ทำให้ภาคธุรกิจและภาคบริการต้องหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องของวัตถุดิบ และกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

ในส่วนของภาคพลังงานนั้น ฝรั่งเศสได้กำหนดให้พลังงานเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าต้องมีมาตรฐานสูงขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ใช้พลังงานหมุนเวียน อย่างเช่นพลังงานลม พลังงานน้ำ หรือพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เป็นหลัก

ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน การช่วยลดโลกร้อนก็ถือเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร ภาคบริการ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไป ก็ต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยกิจกรรมที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด ก็เห็นจะเป็นการคมนาคมขนส่ง และการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งการผลิตไฟฟ้านั้น ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าสร้างความมั่นคงโดยการพัฒนาพลังงานถ่านหินเทคโนโลยีสะอาด ซึ่งก็น่าสนใจว่าการส่งเสริมพลังงานถ่านหินของรัฐบาลไทย จะสอดคล้องกับภารกิจลดโลกร้อนของประเทศไทยหรือไม่

France care the world, Thai do so

 

ประเสริฐสุข จามรมาน ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) แสดงมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานถึง 70% ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้ไฟฟ้า แต่ถามว่า ถ้าเราไม่ใช้ไฟฟ้า เราอยู่ได้มั้ย? เราพัฒนาประเทศได้มั้ย? เราต้องมีอุตสาหกรรม เราต้องพัฒนาเศรษฐกิจหลากหลาย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้า

ประชาชนคนไทยก็คงต้องเลือกว่า ถ้าสมมติจะไม่ใช้ถ่านหินเลย แล้วเราจะใช้แบบไหน เราจะยอมใช้ไฟฟ้าแพงขึ้นได้หรือไม่ หรือเราจะใช้พลังงานอื่นมาทดแทน อย่างเช่น นิวเคลียร์ เป็นต้น ดังนั้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ดูแลเรื่องการผลิตไฟฟ้า จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูง และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มั่นคง ในขณะที่สังคม และสิ่งแวดล้อมโลก ก็ต้องคงอยู่ได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน

สอดคล้องกับแนวทางของ กฟผ. ที่มุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก รัตนชัย นามวงศ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า กฟผ. บอกว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ทาง กฟผ.กำลังจะสร้างขึ้นนั้น เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินเทคโนโลยีสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย ถ้าเทียบกับโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วไปในปัจจุบัน และแน่นอนว่าต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

France care the world, Thai do so

 

ในขณะเดียวกันทาง กฟผ.ยังมีแผนพัฒนาในด้านอื่นๆ อีก อย่างเช่นการสร้างโรงไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงทดแทนโรงไฟฟ้าเก่า การใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมถึงการปลูกป่าเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยทำให้ประเทศของเราลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ และเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ รวมถึงทำให้เราสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับ COP21 ได้สำเร็จอีกด้วย

หลายคนอาจมองว่าการช่วยลดภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องของความฝัน และเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่จริงๆ แล้วภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มีผลกระทบต่อคนทุกคนบนโลก ซึ่งแน่นอนว่าการลดโลกร้อน คงไม่ใช่หน้าที่สำหรับใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและภาคประชาชนต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวมร่วมกัน

ข่าวล่าสุด

ธปท. คุมเข้มเงินทุนขาเข้า สกัดบาทแข็ง–ปิดช่องธุรกรรมไม่พึงประสงค์ เริ่ม 29 ธ.ค.68