posttoday

หลง...กะลอว์

02 มกราคม 2559

หลังจากพาไป เหล่...อินเล เมืองทะเลสาบแห่งรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ภาคต่อวันนี้ยังอยู่ในรัฐเดิมแต่เปลี่ยนมา หลง...กะลอว์

โดย...กาญจน์ อายุ

หลังจากพาไป เหล่...อินเล เมืองทะเลสาบแห่งรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ภาคต่อวันนี้ยังอยู่ในรัฐเดิมแต่เปลี่ยนมา หลง...กะลอว์ (Kalaw) เมืองบนภูเขาที่ได้รับสมญานามว่า สวิตเซอร์แลนด์ แห่งเมียนมา

ต้องเท้าความก่อนว่าการเดินทางจากย่างกุ้งสู่อินเลต้องผ่านเมืองกะลอว์จึงได้เห็นเมืองนี้แวบๆ จากหน้าต่างรถ เวลานั้นตรงกับคืนวันเพ็ญฤกษ์ยามดีที่ชาวบ้านจะออกมาแห่เครื่องสังฆทานนำไปถวายวัด กลายเป็นว่าผลของงานบุญทำให้รถทัวร์ติดไปกับขบวน เคลื่อนที่ได้นาทีละเมตร

ช่วงสิบนาทีแรกคนบนรถยังโยกไปกับเพลงแดนซ์ที่ดังเข้ามา ยังหัวเราะไปกับท่าเต้นสุดเหวี่ยงของหนุ่มสาวกะลอว์ แต่นั่นก็เพียงสิบนาทีแรก เพราะหลังจากนั้นทุกคนเริ่มยุกยิก มองนาฬิกา ชะเง้อดูกระจกหน้าที่ไม่มีทีท่าจะโล่ง แต่จังหวะที่กำลังพิจารณาสถานการณ์ด้านนอกก็เพิ่งสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง ไม่สิ หลายสิ่งทีเดียว ทั้งหมวกไหมพรม ถุงมือ เสื้อกันหนาว ที่ครอบหู ผ้าพันคอ เห็นดังนั้นจึงทาบมือกับกระจก หนาว! หมายความว่าอุณหภูมิในรถ 22 องศา ยังอุ่นกว่าข้างนอกนัก นั่นคือความประทับใจแรกที่มีกับกะลอว์

หลง...กะลอว์ สายหมอกและแสงแดดยามเช้า

 

สรุปว่าเย็นวันนั้นไม่มีใครสามารถจัดการจราจรในเมืองได้ คนบนรถทัวร์จึงต้องนอนรอให้รถเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ส่วนคนขับบีบแตรซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแว่วหู เหตุการณ์ในวันนั้นหลายคนคงบ่นกะลอว์อยู่ในใจ แต่ก็ยังมีฉันที่อยากกลับมาหาเร็วๆ

สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องราวจบลงที่ยองชเวย่านที่พักในอินเล จากตรงนั้นต้องเหมาตุ๊กตุ๊กมายังท่ารถ พนักงานเกสต์เฮาส์บอกว่าไม่มีตั๋วรถจากอินเลไปกะลอว์ขาย เพราะมันเป็นเมืองทางผ่านที่จะไปย่างกุ้ง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่คนต่างถิ่นที่รู้จักแค่คำว่า มิงกะลาบา ก็ยังแอบหวั่นใจเพราะกลัวจะสื่อสารกับคนที่ท่ารถไม่รู้เรื่อง และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ท่ารถที่ว่าเป็นเพิงข้างถนน ป้ายทุกอย่างมีแต่ภาษาเมียนมา ทำให้ภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมาไม่มีผลต่อบทสนทนาคราวนี้ แต่ดีที่มีคัมภีร์อยู่ในมือจึงเปิดโลนลี่แพลนเน็ตไปหน้ากะลอว์ให้เขาอ่านชื่อเมืองภาษาเมียนมา จากนั้นเราก็คุยภาษามือผสมอังกฤษผสมเมียนมาเป็นอันว่าต้องรอรถที่มีเบาะว่าง ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่ารถคันนั้นจะมาเมื่อไหร่ ความสนุกในการเดินทางมันอยู่ตรงนี้ ตรงที่ไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดหมายหรือไม่ แต่รู้สึกสนุกระหว่างทางไปแล้ว

หลง...กะลอว์ ร้านตัดเสื้อผ้า อีกโซนของตลาดสด

 

ในขณะที่มองรถตู้ผ่านไปไม่รู้กี่คัน เถ้าแก่ดูไม่สนใจหารถให้ เขาคุยโทรศัพท์ วางโทรศัพท์ ตะโกนสั่งลูกน้อง หยุดม้วนหมาก แล้วกลับมารับโทรศัพท์ แต่ก่อนที่ความกังวลจะล้นออกมา เถ้าแก่ก็ลุกจากเก้าอี้ไปที่รถตู้คันที่เพิ่งมาจอด เขาและคนขับรถคุยกันสักครู่แล้วหันมากวักมือเรียกให้ไปขึ้นรถ ปรากฏว่าที่นั่งเต็ม แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนกะพริบตาแล้วภาพเปลี่ยนไป คนในรถแสนจะมีน้ำใจกระเถิบจนไหล่เกยคนข้างๆ เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับคนแปลกหน้า

จากอินเลไปกะลอว์ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แต่รู้สึกเหมือนไม่นานขนาดนั้น เพราะวิวสองข้างทางมองเพลินทั้งภูเขา แปลงผัก แปลงดอกไม้สีเหลืองที่มาทราบภายหลังว่ามันคือ ลิตเติ้ล ซันฟลาวเวอร์ หรือทานตะวันขนาดเล็ก เลี้ยงไว้เก็บเมล็ดไปทำน้ำมัน และโชคดีที่คุณยายคนข้างๆ เมารถเลยเปิดกระจกให้ลมเข้ามา เลยได้สัมผัสแอร์ธรรมชาติที่สดชื่นกว่ามาก

เมื่อรถวิ่งไปได้ประมาณชั่วโมง วิวสองข้างทางจะเปลี่ยนจากแปลงเกษตรเป็นป่าสน ตอนแรกไม่ทันเอะใจจนเห็นป้าย Welcome to Pinewood Land ขอต้อนรับสู่ดินแดนต้นสน นั่นหมายความว่า รถแล่นเข้าสู่เมืองกะลอว์อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยลมที่พัดเข้ามาเย็นลงจนคัดจมูก คนในรถเริ่มผูกผ้าพันคอที่พกมา ในใจคิดถึงสมญานามเมืองกะลอว์ สวิตเซอร์แลนด์ของเมียนมา กำลังเผยตัว

หลง...กะลอว์ แม่ค้าขายกล้วยไม้ในตลาด

 

รถตู้ไปจอดที่ท่ารถใหญ่ในเมืองกะลอว์ สิ่งแรกที่ทำก่อนหยิบแผนที่ คือ หยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ทับ อากาศที่อินเลกับกะลอว์น่าจะต่างกันถึง 5 องศา ในช่วงกลางวัน เมืองนี้หาที่พักได้ง่ายๆ มีทั้งแบบห้องพักบนตึกแถวที่เหล่าแบ็กแพ็กเกอร์นิยมเพราะราคาถูกและอยู่ใกล้ตลาด และอีกแบบคือ รีสอร์ท จำลองแบบบ้านสวิตเซอร์แลนด์ จะอยู่ห่างจากตัวเมืองไปบนเนินเขาเพื่อให้เห็นวิวป่าสนและภูเขาที่ล้อมเมือง ราคาห้องพักประมาณ 1,500-2,000 บาท ภายในห้องไม่มีพัดลม ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศเย็นตลอดปีโดยเฉพาะเดือนนี้ถึงเดือน ก.พ.อุณหภูมิจะเหลือเพียง 5-10 องศา ซึ่งกลางวันกับกลางคืนอุณหภูมิต่างกันถึง 20 องศา

กะลอว์เป็นเมืองบนภูเขาชานโยที่ถูกล้อมด้วยภูเขาอีกที ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักตากอากาศของทหารอังกฤษสมัยยังเป็นเจ้าอาณานิคมจนมีคนไปเปรียบเทียบว่า ถ้าฝรั่งเศสยึดเวียดนามแล้วมีซาปา อังกฤษยึดเมียนมาก็มีกะลอว์ แต่ทุกวันนี้มันคือที่พักตากอากาศของคนเมียนมาและที่เที่ยวของแบ็กแพ็กเกอร์ แทบไม่มีบริษัททัวร์พามาเพราะกะลอว์ไม่มีสนามบินและอยู่ไกลจากทั้งย่างกุ้งและมัณฑะเลย์

ชาวกะลอว์มีอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกดอกไม้เมืองหนาว กะหล่ำปลีอโวคาโด ดอกทานตะวันเล็ก ถ้าอยากเห็นว่าพืชผักผลไม้อวบอิ่มน่ากินแค่ไหนต้องไปเดินตลาด เป็นตลาดแห่งเดียวในเมืองที่ขายทุกอย่างทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และขายราคาตามที่ชาวบ้านซื้อ ซึ่งอาจจะสื่อสารกันยากหน่อย บางคนอ่านเลขอาระบิกไม่เข้าใจเราก็แค่ยื่นเงินให้เขาหยิบ นั่นคือความเชื่อใจที่ชาวเมียนมายังมีเสมอ

หลง...กะลอว์ แม่ค้าขี้อายขายผลไม้เมืองหนาว

 

ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆ จะเป็นวัด ถ้าถามข้อมูลจากที่พักจะมีรายชื่อวัดให้เลือกเป็นตับพร้อมราคาเหมารถแท็กซี่ ถ้าถามคนพื้นที่จะแนะนำไม่กี่แห่งเหมือนที่โลนลี่แพลนเน็ตบอกไว้ ที่แรกคือ ถ้ำพินดายา (Pindaya Cave) ถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูปกว่า 8,000 องค์ จากชาวบ้านที่นำมาถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมาคือ ไปสักการะพระพุทธรูปไม้ไผ่สาน (Nee Paya) ภายในวัดพินมากอง (Pinmagon Monastery) และขึ้นเขาไปไหว้เจดีย์ ชเว อู มิน(Shewe Oo Min Paya) ที่มีเจดีย์และพระพุทธรูปนับพันองค์อยู่บนภูเขา นอกจากนี้นักท่องเที่ยวฝรั่งจะชอบเดินป่า มีเส้นทางเดินจากกะลอว์ไปอินเลโดยค้างแรมในป่า 1 คืน และเส้นเทรลธรรมชาติแบบหนึ่งวัน

สำหรับคนเมืองร้อนจากสยามจะตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ตก เพราะนอกจากฟ้าหน้าหนาวจะสวยตะลึง ความหนาวแบบเฉียบพลันยังทำให้มีความสุขฉับพลัน ใครจะไปเชื่อมาเที่ยวเมียนมาแล้วต้องใส่เสื้อสามชั้น ใส่ถุงเท้าซ้อนกันสองคู่ และต้องขอผ้าห่มเพิ่มอีกผืน เข้าใจแล้วว่าทำไมบนรถทัวร์วันนั้น ชาวบ้านถึงต้องใส่เครื่องกันหนาวแบบจัดเต็มเหมือนกับอยู่สวิตเซอร์แลนด์ และเข้าใจแล้วว่าทำไมกะลอว์ถึงถูกเรียกว่าเมืองพักตากอากาศ เพราะสิ่งที่อยากทำที่สุดคือแค่ตากตัวเองไว้กลางอากาศดีๆ เท่านั้นเอง

หลง...กะลอว์ พืชผักสดๆ

 

ขากลับบ้านเกิดเลือกได้สองเมืองว่าจะไปขึ้นเครื่องบินกลับที่มัณฑะเลย์หรือย่างกุ้ง ย่างกุ้งจะไกลกว่ามีทั้งรถบัสช่วงกลางวันและดึกข้ามคืน ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชม. และเห็นมีนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วไปพุกาม นั่นก็เป็นอีกวิธี ถ้าอยากไปเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน

ในเมื่อตอนนี้เมียนมาให้ฟรีวีซ่าแก่คนไทย 14 วัน ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งทริปยอดนิยมอย่างชเวดากอง-อินแขวน ชมทะเลเจดีย์ที่พุกาม ล่องทะเลสาบอินเล หรือทริปย่างกุ้ง-อินเล-กะลอว์-ย่างกุ้ง ที่กำลังกล่าวถึง ต้องพูดยั่วตั้งแต่ตอนนี้ว่าควรไปกะลอว์เสียก่อนที่มันจะดัง อยู่สักสองวันแล้วค่อยคิดว่าจะไปต่อหรืออยู่ต่อดี

หลง...กะลอว์ บ้านเมืองเรียบง่าย

 

หลง...กะลอว์ นมร้อนใส่ถุง

 

หลง...กะลอว์ ร้านขายอาหารตามสั่ง ชอบที่มีเบาะนั่งบริการ

 

หลง...กะลอว์ จับจ่ายยามเช้า

 

หลง...กะลอว์ ร้านตัดผมริมถนน

 

หลง...กะลอว์ วัตถุดิบทำอาหารเช้า

 

หลง...กะลอว์ ตลาดกะลอว์อยู่ใจกลางเมือง