posttoday

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

29 พฤศจิกายน 2558

เมื่อเห็นภาพถ่ายฝีมือ “มานะ จิระนภากุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ หนึ่งในดีเวลอปเปอร์ที่กำลังมาแรง

โดย...สมแขก ภาพ มานะ จิระนภากุล

เมื่อเห็นภาพถ่ายฝีมือ “มานะ จิระนภากุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ หนึ่งในดีเวลอปเปอร์ที่กำลังมาแรงและน่าจับตามองในวงการอสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องตะลึงเพราะไม่เพียงแต่จะสวยเข้าขั้นมืออาชีพ แต่ภาพถ่ายของเขายังบอกเล่าเรื่องราวได้ไม่น้อยทีเดียว เส้นทางการท่องเที่ยวของผู้บริหารสายบุญคนนี้จะมีกลิ่นของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสมอยู่ ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน และครั้งนี้เขาจะบอกเล่าการเดินทางที่เจ้าตัวเอ่ยปากว่า “ทุกนาทีที่นี่ล้วนคือความสุข” จะเป็นสถานที่ใดไปไม่ได้นอกจาก “ภูฏาน” ดินแดนที่ร่ำรวยความสุข อุดมด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติและศาสนาที่แผ่กระจายศรัทธาทุกหัวระแหง

“ผมได้ยินมานานว่าภูฏานเป็นเมืองที่น่าไปเยือน เพราะเขาจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ไปค่อนข้างยากเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และปีนี้ผมก็ตัดสินใจเดินทางไปที่ภูฏานกับก๊วนเพื่อนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเหมือนกัน สิ่งที่ดึงดูดพวกเราก็คือเทศกาลระบำหน้ากาก การแสดงที่เปี่ยมด้วยศรัทธาของชาวภูฏาน เขาว่ากันว่าอลังการที่สุดในบรรดาประเทศที่มีระบำหน้ากาก ผมเดินทางประมาณเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดี อุณหภูมิประมาณ 18-22 องศา เราใช้เวลาที่ภูฏาน 4 วัน ไปทั้งเมืองหลักและเมืองหลวง เมืองที่เราไปพักวันแรกก็คือเมืองพาโร ซึ่งเป็นเมืองในหุบเขา ทิวทัศน์สวยตะลึงมากๆ”

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

ผู้บริหารบริษัท น้อมบุญ เล่าต่อว่า นอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูฏาน เสน่ห์ที่ใครๆ ก็พูดถึงและเขาการันตีว่าสิ่งที่ได้ยินมาไม่เกินเลยความจริงก็คือ เป็นเมืองที่ปลอดภัย ผู้คนจิตใจดี ศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่เข้มแข็ง และดัชนีความสุขที่จับต้องได้ “พอไปถึงเหมือนกับผมได้หลุดเข้าไปในเมืองโบราณที่ย้อนไปหลายร้อยปีก่อน ทุกอย่างช้า สงบ และงดงาม แรกๆ ผมไม่เข้าใจว่าประเทศนี้พูดถึงจีดีพีเป็นดัชนีความสุขซึ่งเป็นนามธรรมจะสำเร็จได้อย่างไร แต่พอได้ไปสัมผัสและพูดคุยกับผู้คนในภูฏาน ผมเข้าใจในทันทีว่าเขาสร้างให้เป็นจริงได้ เพราะผู้คนเขามีความสุขจริงๆ และมันเผื่อแผ่มายังคนที่ไปเยือนด้วย ที่สำคัญเขาเป็นประเทศที่ไม่ฆ่าสัตว์เลย แล้วก็เป็นประเทศที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรเลยเป็นไปได้ยังไง (แต่เป็นไปแล้วนะครับ)

พวกเราวางแผนว่าจะไปดูระบำหน้ากากสองเมืองก็คือเมืองทิมพูและวังดี ก่อนที่เราจะได้ดูระบำหน้ากาก ผมมีโอกาสขึ้นไปสักการะวัดทักซัง หรือวัดถ้ำเสือซึ่งสร้างบนหน้าผาและถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน การเดินทางค่อนข้างลำบากใช้เวลาเดินทางขึ้นไปเกือบ 5 ชั่วโมงจากตีนเขา คนภูฏานส่วนใหญ่เดินเท้า แต่ผมขี่ม้าไปครึ่งทางแล้วเดินต่อจนถึงตัววัด ด้านบนอากาศดีและสวยมาก มีลำธารไหลตามหน้าผามาตลอด ที่นี่ที่เดียวควรมีเวลาหนึ่งวันเต็มสำหรับขาขึ้นและลงเขา”

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

ในฐานะนักถ่ายภาพสมัครเล่น มานะ บอกว่า เขาสนุกสนานกับการเก็บภาพผู้คน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนประเทศนี้มาก เพราะเขาจะได้ธรรมชาติที่นอบน้อมและรอยยิ้มแบบน้ำใสใจจริง “คนเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับนักท่องเที่ยว อาหารส่วนใหญ่เป็นผัก นม ชีส เนื้อสัตว์น้อยมาก และผู้คนก็ชอบถ่ายรูป เขาจะยิ้มให้กล้องและขอดูภาพหลังกล้องเสมอ สำหรับผมแล้วความยากจนของผู้คนเทียบไม่ได้กับความสุขที่เขามี ผมเห็นชาวนาที่เกี่ยวข้าวเสร็จ ช่วงพักเขาจะเดินไปหมุนวงล้อแห่งธรรมใกล้ๆ พร้อมกับสวดมนต์ นี่เป็นภาพที่ผมเห็นตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น”

อีกเมืองหนึ่งที่มีสถาปัตยกรรมสวยตระหง่านก็คือปูนาคาซอง อดีตเมืองหลวงของภูฏาน มีป้อมปูนาคา (Punakha) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพระราชวัง และมีแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกันทำให้เห็นแม่น้ำสองสี “ยิ่งดูยิ่งเหมือนหลุดเข้าไปในเมืองโบราณ (หัวเราะ) ตอนเข้าไปข้างในก็มีเณรกำลังสวดมนต์อยู่ เป็นเสียงที่เราฟังไม่ออกแต่ก้องกังวานฟังแล้วรับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ฟังแล้วจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูก มองเข้าไปเป็นภาพที่สวยงามมาก แต่เสียดายเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ซึ่งวัดส่วนใหญ่ของภูฏานจะมีหลักเดียวกันหมด”

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

และแล้วก็ถึงวันแสดงระบำหน้ากาก ในเมืองทิมพู ซึ่งเป็นเมืองหลวงใจกลางหิมาลัย ไม่เหมือนเมืองใดในโลก วันนั้นชาวบ้านจะพร้อมใจแต่งตัวด้วยชุดประจำชาติสีสันสวยงามออกจากบ้าน ทุกคนยิ้มแย้ม ซึ่งการแสดงจะจัดที่ป้อมทาโชชิ สถานที่ทรงงานของพระมหากษัตริย์และคณะรัฐมนตรี และอารามหลวงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งภูฏาน “เมื่อระบำเริ่มขึ้น ผมสัมผัสถึงความสุขของผู้คน ระบำนี้อาจจะเรียกว่าเป็นระบำธรรมะก็ไม่ผิด เพราะผู้ทำการแสดงเป็นพระ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผู้ชม จะมีการให้พรด้วยการนำไม้มาแตะที่ศีรษะแล้วท่านก็บริกรรมคาถาอะไรสักอย่าง คนก็ยกมือแสดงความเคารพ”

สำหรับมานะแล้วความชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติและวัฒนธรรมเป็นทุนเดิม ทำให้การไปเยือนภูฏานในครั้งแรกเป็นการค้นพบคำตอบของความสุขสงบและได้เห็นความงามที่แสนจะเรียบง่ายผ่านจอมองภาพของกล้องถ่ายรูป แต่สิ่งที่เขาต้องการค้นหาในการเดินทางครั้งต่อไปก็คือแก่นแท้แห่งศรัทธา และเนื้อหาแห่งธรรมะ ที่จะออกเดินทางหาคำตอบพร้อมกับภรรยาของเขา

“การไปภูฏานเป็นการได้พักผ่อนอย่างแท้จริง และทันทีที่กลับมาถึงเมืองไทย ผมคิดไว้เลยว่าจะต้องกลับไปอีกครั้ง คราวนี้ผมจะไม่เอากล้องถ่ายรูปไป จะไปกับภรรยา และตามหาเนื้อหาของความเป็นอยู่ของผู้คนให้ได้มากกว่านี้ ผมว่าถ้ามาถามผมอีก เรื่องเล่าของผมก็จะต่างออกไปจากวันนี้ที่เล่าให้ฟัง” ผู้บริหารบริษัท น้อมบุญ ทิ้งท้าย

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’ ทาคิน สัตว์ประจำชาติของภูฏาน

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

พบความสุขทุกนาที...ที่ ‘ภูฏาน’

 

ข่าวล่าสุด

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ Smart City ต้นแบบ! เปลี่ยนขยะเป็น RDF สู่ Net Zero 2050