posttoday

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

22 พฤศจิกายน 2558

กัณฑรัตน์ เจิมจิตรผ่อง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บัตรเครดิตกรุงไทย ด้วยหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่บ่อยๆ

โดย...อณุสรา  ทองอุไร ภาพ กัณฑรัตน์  เจิมจิตรผ่อง

กัณฑรัตน์  เจิมจิตรผ่อง ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บัตรเครดิตกรุงไทย ด้วยหน้าที่การงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่บ่อยๆ อีกทั้งเธอเองก็ยังมักจะให้รางวัลตัวเองด้วยการเดินทางเปิดโลกทัศน์อีกด้วย ในแต่ละปีเธอมักจะเดินทางไปต่างประเทศปีละ 2-3 ครั้ง ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานอยู่เสมอ

ทริปล่าสุดที่เดินทางไปพักผ่อนก็คือการไปเยือนประเทศโมนาโกเป็นเวลา 5 วัน  โดยเธอเดินทางไปกับสายการบินเอมิเรตส์ ตอนตี 2 เครื่องไปลงที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ประมาณบ่ายๆ เมืองนีซเป็นเมืองชายทะเลของฝรั่งเศส แล้วจึงนั่งรถจากนีซไปยังเมืองมอนติคาร์โล เมืองหลวงของโมนาโก ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยนอนค้างที่นี่ 1 คืน ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงแต่ก็เป็นเมืองเล็กๆ เมืองเขาจะหลวมๆ คนน้อย เดินเล่นสบายๆ อากาศกำลังดี

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

“ตอนที่ไปประมาณปลายเดือน ส.ค ถึงต้นเดือน ก.ย. อากาศกำลังดี เย็นๆ ไม่หนาวมาก ตอนที่ไปเขากำลังมีงานโชว์เรือยอชต์ เป็นเทศกาลที่จะมีเรือยอชต์หรูมาโชว์ มีเศรษฐีจากประเทศต่างๆ ในยุโรปและจากทั่วโลกมาชมมาซื้อมาจับจองเป็นงานเอ็กซิบิชั่นใหญ่ของเขา เรานั่งอยู่ตามร้านกาแฟร้านอาหารก็จะเห็นเศรษฐียุโรปแต่งตัวดีๆ ลงจากรถคันยาวโก้ ลงจากรถเดินเข้าโรงแรมเหมือนในหนังยังไงยังงั้นเลย ดูหรูหราไฮโซมากๆ จะหน้าตาสวยหล่อ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม แค่เรานั่งมองเขาเดินไปเดินมา เราก็เพลินแล้ว (หัวเราะ)” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี

กิจกรรมวันแรกที่เมืองมอนติคาร์โลก็คือเดินชมบ้านชมเมือง ดูสถาปัตยกรรม ดูตึกเก่าที่ยังสวยงามและคลาสสิก เดินขึ้นเนินเขาไปรอบๆ เมือง ดูร้านค้าร้านเก่าๆ ตามซอกตามซอย ในเมืองนี้ก็จะมีพระราชวังเก่า ไปชมพระราชวังที่ฝังพระศพของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ วังนี้อยู่บนหน้าผา พระราชวังสวยงดงามมาก แต่ก็เข้าไปดูข้างในไม่ได้ ชมได้แต่ด้านนอก เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จะเห็นอาคารบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนริมอ่าว เป็นตึกรูปแบบสมัยโบราณ บ้านเมืองจะมีสีสันสวยงาม โทนสีหวานๆ อย่างสีชมพูอ่อน ส้มอ่อน เดินไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ มีต้นไม้ดอกไม้ริมทาง เห็นทะเลสีฟ้าอมเขียว เวลาเดินไปก็เพลินๆ อากาศเย็นๆ สบายๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินกลับลงมาไม่เหนื่อย พอร่างกายอุ่นๆ ไม่มีเหงื่อไหลเลยด้วยซ้ำ

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

กัณฑรัตน์ เล่าว่า คนที่ไปเที่ยวโมนาโกเขามักจะไปนั่งเล่นแฮงเอาต์กันอยู่หน้ากาสิโน คอยชมวิถีชีวิตและการแต่งตัวของเศรษฐีจากยุโรปที่จะมาเล่นการพนันที่กาสิโนกัน เนื่องจากจะมีพวกอภิมหาเศรษฐีขับรถหรูหราพวกซูเปอร์คาร์มาจอดหน้ากาสิโน หรือขับเรือยอชต์มาจอดที่เมืองท่าสำคัญๆ ของเมือง โรงแรมที่ดังที่สุดของเมืองก็คือ โรงแรม เดอ ปาร์คลี่ ซึ่งเป็นที่ชุมนุมของมหาเศรษฐีคนหนุ่มคนสาวหน้าตาสวยหล่อ แต่งตัวดูดีหรูหราเหมือนออกมาจากแมกกาซีนหรือรันเวย์แฟชั่นโชว์เลย เขาจะเอารถซูเปอร์คาร์มาจอดเรียงหน้าโรงแรม คนธรรมดาทั่วไปก็เฝ้าดูชีวิตเขาไปเพลินๆ พอกลางคืนก็ออกไปเดินเล่นตากลมชมเมืองกัน มีสวนสาธารณะเล็กๆ ใจกลางเมือง เดินเล่นเลาะชายทะเล ชมเรือยอชต์ที่มาจอดเปิดไฟสวยๆ เป็นอาหารตาที่ดีมาก มันจะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตของคนธรรมดาๆ ที่ได้มาชม

หน้าโรงแรมก็จะมีร้านกาแฟ นั่งเอาต์ดอร์ มีร้านช็อปปิ้งหรูหราแบรนด์เนมรอบๆ โรงแรม เมืองนี้เหมือนเขาสร้างมาเพื่อให้พวกเศรษฐีในยุโรปมาใช้ชีวิตอย่างหรูหรากัน เป็นเมืองท่าสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เหมือนชีวิตในหนังหรูหรายุค 80s

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

“มาที่นี่ต้องชิมอาหารของเขาที่ได้กลิ่นอายของอาหารอิตาลี แต่จะดูดีกว่า เพราะเน้นอาหารทะเลเน้นกุ้ง ปลา ผักสลัดสดๆ อร่อยแล้วตกแต่งของมาสวยงาม ได้ทั้งอาหารปากและอาหารตา เรียกว่าได้ครบเลย อาหารอร่อยคล้ายๆ อาหารฝรั่งเศส บางทีก็ดูคล้ายอาหารอิตาลี บ้านเมืองสวยงาม อากาศดี มาดูชีวิตหรูหรามากที่เราไม่คุ้นเคย มาเสพอาหารตา ก็เพลินมีความสุขดีเมื่อได้มา”

เมื่อค้างที่มอนติคาร์โล 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็นั่งรถต่อไปยังเมืองแชงพอล เดอะวองซ์ เป็นเมืองเล็กๆ  โดยนั่งรถไปประมาณ 40 นาที เมืองโบราณยุคกลางอยู่บนเขาที่มีป้อมทางเดินหน้าเมืองเป็นหิน เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองอาร์ต เพราะแทบทั้งเมืองจะเป็นแกลเลอรี่ศิลปะเต็มไปหมดเลย แม้ว่าจะเดินเล่นไปตามซอกตึกก็จะเห็นว่าระหว่างทางจะมีงานศิลปะวางขาย มีงานประติมากรรม รูปปั้นงานอาร์ตขนาดใหญ่วางขายอยู่ทั่วบริเวณ มีทั้งงานอาร์ตแบบเก่าและอาร์ตแบบใหม่ สมัยก่อนเล่ากันว่าเมืองนี้จะมีนักเขียนบท ผู้กำกับภาพยนตร์มาพักที่เมืองนี้บ่อยๆ เพื่อมาหาแรงบันดาลใจในการทำงาน เพราะเมืองสวยแลนด์สเคปเมืองจะมีทางเนินเล็กๆ ไปตามถนนต่างๆ เยอะไปหมด มีทั้งทะเล ต้นไม้ ภูเขา

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

วันต่อมาเดินทางไปยังเมืองเอซ นี่ก็เป็นเมืองโบราณอีกเมืองที่ตั้งอยู่บนหน้าผาที่ต้องเดินไต่บันไดขึ้นไป จุดเด่นของเมืองนี้ก็คือมีร้านอาหารหลายร้านที่ได้มิชลินสตาร์ รสชาติอาหารอร่อยเลิศเลอระดับ 5 ดาว ร้านส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนหน้าผา ได้เห็นวิวแบบ 180 องศา บางร้านจะเป็นอาหารอิตาลีผสมสไตล์ฝรั่งเศส บางร้านจะเป็นสไตล์โมนาโกผสมอิตาลี เพราะโมนาโกใกล้อิตาลีมีเพียงแม่น้ำคั่นกลาง ซึ่งรสชาติอาหารอร่อยถูกปากคนไทยอย่างมาก ขนมปังอร่อยมาก เรียกว่านั่งกินไปชมวิวไป คณะของเธอนั่งกินอาหารและชมวิวที่นี่นานถึง 3 ชั่วโมง เรียกว่าเพลินมากจนเวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองย่อยอาหาร เพราะเป็นอีกหนึ่งเมืองโบราณที่มีความสวยงาม มีทั้งหน้าผา มีทั้งป้อมปราการ ที่เป็นแผ่นหิน เสาหิน ขนาดใหญ่มากๆ เหมือนกับอยู่ในฉากภาพยนตร์เรื่องแกลดิเอเตอร์ เดินชมเมืองผ่านตรอกซอกซอยไปเรื่อยๆ

“เราอยู่ที่โมนาโก 3 คืน เพราะเมืองเล็กมาก ได้ไปชมการแข่งเอฟวันที่มอนติคาร์โลด้วย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องนี้ เขาจะมีงานใหญ่เพื่อแข่งกันปีละครั้ง แข่งบนถนนวิ่งไปรอบๆ หน้าผา เรียกว่ามอนติคาร์โลเซอร์กิต มีร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับการแข่งเอฟวัน โชคดีที่เรามาเจองานแฟร์เรือยอชต์ เจอแข่งรถ ก็เลยมีกิจกรรมให้ทำเยอะ”

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

อีก 3 วันที่เหลือก็ข้ามไปอิตาลีกัน ไปเมืองปอร์โตฟิโน่ ซึ่งเป็นเมืองทางเหนือของอิตาลีที่ใกล้กับโมนาโก เป็นเมืองประมงสมัยอดีต ปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่ถือว่าไฮโซของอิตาลีมากๆ พวกเศรษฐีเขาจะมาจอดเรือยอชต์ มีอ่าวเล็กๆ เมืองก็จะมีสีสันมาก ตึกต่างๆ จะมีสีสนุกอย่างส้ม เหลือง เขียว เรือยอชต์ลำใหญ่ๆ ก็จะจอดอยู่รอบอ่าว ได้เห็นเรือยอชต์หรูๆ แบบใกล้ชิด ร้านนาฬิกาแบรนด์เนมดังๆ มีอยู่รอบๆ อ่าว ระหว่างเดินชมเมืองจะเห็นวิลล่าของพวกเศรษฐีอยู่หลายหลังเลย สวยๆ ทั้งนั้นตลอดทาง

“ส่วนพวกเราก็เดินเล่นนั่งกินกาแฟ ที่นี่จะมีร้านขายช็อกโกแลตร้อนร้านหนึ่งอร่อยมาก เข้มข้นมากๆ เหนียวๆ อุ่นๆ เหมือนฟองดูเลย เหมาะกับอากาศตอนกลางคืนที่เริ่มเย็นมากขึ้น ทริปนี้เราเน้นเดินชมเมืองเก่ากับการชิมอาหาร ทั้งพื้นเมืองและร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในย่านนั้นๆ ไม่เน้นช็อปปิ้ง”

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

เมืองนี้ก็จะมีโบสถ์ มีปราสาทโบราณเล็กๆ บนเนินเขาของเศรษฐียุคเก่าที่ซื้อมา ส่วนใหญ่จะเน้นเดิน เพราะอากาศเริ่มเย็นสบาย เดินไม่เหนื่อย ถ้าไกลมากก็นั่งรถรางบ้าง บางเมืองก็ใช้วิธีการนั่งเรือข้ามมา แต่ตอนที่ไปมีพายุเข้าก็เลยไม่ได้นั่งเรือมากนัก เกรงว่าจะอันตราย

“วันสุดท้ายได้ไปชมเมืองเจนัว ซึ่งเป็นอีกเมืองท่าที่สำคัญของอิตาลี เชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส บ้านของเขาใหญ่โต เป็นคนมีฐานะในยุคนั้น มีร่องรอยความใหญ่โตของบ้าน มีเสาหิน ห้องนอน เมืองนี้ในอดีตนั้นรุ่งเรืองมาก แต่ปัจจุบันจะดูน่ากลัวไปนิด เพราะเป็นเมืองที่ผู้อพยพมาอาศัยอยู่เยอะ เห็นได้ถึงความแตกต่าง ที่ไหนที่เป็นเมืองที่คนอิตาลีอยู่เองจะดูสดใส สะอาด แต่เมืองนี้จะมืดๆ มัวๆ ดูอึมครึมๆ เป็นอีกมุมมองที่แตกต่างออกไป ตรงท่าเรือเขาจำลองอะควอเรียมเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไม่ใหญ่มาก เล็กๆ แต่ก็น่าชม”

สุดท้ายเธอบอกว่าไปทริปนี้ชมเมืองกับชิมอาหารก็อิ่มอร่อยมีความสุขมากสำหรับ 5-6 วัน เป็นทริปสั้นๆ ที่ได้ชีวิตช้าๆ เดินๆๆๆ กินอาหารที่ดีกับสุขภาพ เหมือนได้ไปใช้ชีวิตช้าๆ ไม่เร่งรีบ

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก

 

เดิน ชม ชิมอินโมนาโก