posttoday

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก

07 พฤศจิกายน 2558

บางคนขนานนามว่า...“มาเก๊า” คือ “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” เพราะแทบทุกตารางนิ้วแทรกตัวไปด้วยกาสิโน

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

บางคนขนานนามว่า...

“มาเก๊า” คือ “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” เพราะแทบทุกตารางนิ้วแทรกตัวไปด้วยกาสิโน เป็นสวรรค์ของนักเสี่ยงโชค

“มาเก๊า” คือ “ยุโรปแห่งเอเชีย” เพราะมหานครแห่งนี้เป็นจุดนัดพบระหว่างความเป็นตะวันออกกับตะวันตกอย่างลงตัว

แต่สำหรับเรา “มาเก๊า” คือ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง...แล้วคุณจะหลงรักเมืองที่มีสองบุคลิกนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก ทางเดินกระจกให้หวาดเสียวบนมาเก๊าทาวเวอร์

 

การเดินทางไปมาเก๊าใช้เวลาบินเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาที นั่นหมายความว่า ออกเดินทางแต่เช้าตรู่จากเมืองไทย สายๆ ก็เดินทางมาถึงสนามบินมาเก๊าเป็นที่เรียบร้อย ว่ากันว่าช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางมาที่นี่ เพราะอากาศกำลังเย็นสบาย เหมาะแก่การปล่อยให้สองขาพาเราไปตามใจต้องการ ด้วยมาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ ที่เดินเที่ยวได้

“มาเก๊า” ตั้งอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล  มีอาณาเขตติดกับตำบลก๊งเป๋ยของประเทศจีน เขตปกครองพิเศษมาเก๊ามีเนื้อที่ทั้งหมด 25.8 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย คาบสมุทรมาเก๊า เกาะไทปา เกาะโคโลอาน และโคไท คาบสมุทรมาเก๊ากับเกาะไทปาเชื่อมถึงกันด้วยสะพาน 2 เส้น นั่นคือ สะพานมาเก๊า-ไทปา ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร และสะพานมิตรภาพที่มีระยะทาง 4.5 กิโลเมตร

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง

 

อาทิตย์พ้นขอบฟ้าเธอคือผู้หญิงสวยหวาน

มาถึงมาเก๊าเหมือนมาถึงสองทางแยก ไม่ไปสายบุญก็ไปสายบาป (เข้ากาสิโน) ขอเริ่มต้นเส้นทางสายบุญด้วยการไปกราบขอพรรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทอง ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ความพิเศษของเจ้าแม่กวนอิมปรางค์ทององค์นี้ คือ สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ มีความสูง 18 เมตร มีน้ำหนักกว่า 1.8 ตัน ประดิษฐานอยู่บนดอกบัวดูงดงามอ่อนช้อย หากเพ่งมองดูดีๆ จะเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นเจ้าแม่กวนอิมลูกครึ่ง คือ ปั้นเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมที่มีพระพักตร์เป็นหน้าพระแม่มารี ที่เป็นเช่นนี้ไกด์คนสวยชื่อน่ารักว่า “ปุ้มปุ้ย” อธิบายว่าเป็นเพราะเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ โปรตุเกสซึ่งปกครองมาเก๊ามา 447 ปี ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊าในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนประเทศจีน

ไกด์ปุ้มปุ้ย แนะนำว่า มาถึงที่นี่แล้วอย่ามัวตื่นตะลึงแหงนมององค์เจ้าแม่กวนอิมจนลืมก้มลงมองที่พื้น ซึ่งมีสัญลักษณ์เลข 8 หรือเครื่องหมายอินฟินิตี้ที่พื้น เพราะเป็นจุดที่ดีที่สุดในการนมัสการขอพรเจ้าแม่กวนอิม หลังจากขอพรเสร็จ พอเดินเข้ามาใต้ฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมจะเป็นพื้นที่สำหรับปฏิบัติธรรม เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติการสร้าง

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก เจ้าหน้าที่ของมาเก๊าทาวเวอร์เก็บภาพสวยๆ ให้นักท่องเที่ยว

 

ไกด์ปุ้มปุ้ยยังบอกด้วยว่า ทำเลที่ตั้งของเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งว่ากันว่าฮวงจุ้ยจะหมดอายุใน 20 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลจะต้องหาพื้นที่ใหม่เพื่อประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมแทน

“ทุกครั้งที่เอ่ยปากพึมพำขอพรเจ้าแม่กวนอิม ต้องไม่ลืมเอ่ยชื่อและวันเดือนปีเกิดของตัวเองก่อน ที่สำคัญมาถึงแล้วอย่าลืมสวมวิญญาณเชอร์ล็อกโฮม หรือเจ้าหนูนักสืบอย่างโคนัน ตามหาสัญลักษณ์หมายเลข 8 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเลขมงคล ซ่อนอยู่ 3 จุด ซึ่งถ้าเดินทางมากับทัวร์ ไกด์จะเฉลยให้ก่อน แต่ซินแสแนะนำว่า ถ้าจะให้ดีต้องบังเอิญเจอด้วยตัวเองดีที่สุด”

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก วัดเจ้าแม่กวนอิมอันเก่าแก่

 

อีกวัดยอดนิยมที่มาถึงมาเก๊าแล้วไม่มาไม่ได้ คือ วัดเจ้าแม่กวนอิม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1627 และเป็นวัดเดียวที่ไม่เคยถูกไฟไหม้เลยสักครั้ง ทำให้สถาปัตยกรรมโบราณ ทั้งไม้ ระฆัง เปลือกหอยประดับที่บานประตู รวมทั้งรูปแกะสลักตั้งแต่โบราณยังคงไว้อย่างครบถ้วน

ไกด์ปุ้มปุ้ยแนะนำว่า ตอนจะก้าวเข้าวัดให้ใช้ขาซ้าย เพราะเชื่อว่าจะเป็นการนำเอาสิ่งที่ไม่ดีที่ติดตัวมาทิ้งไว้ที่วัดนี้ ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้ขอพร ทั้งเทพเจ้ากวนอู เจ้าแม่ทับทิม พระสังกัจจายน์ และเจ้าแม่กวนอิม อายุ 789 ปี วิธีไหว้คือจุดธูปเป็นกำ เพราะจะทำให้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แล้วท่อง โอม อมิตตาพุทธ 3 ครั้ง จากนั้นให้ขอพรกับองค์เจ้าแม่กวนอิม ไหว้เสร็จให้หันมาไหว้ขอพรให้ครบ 4 ทิศ ส่วนที่ศาลอื่นๆ ในวัดให้ใช้ยกมือขอพรได้

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก ผลงานศิลปะสวยๆ ในกาสิโน MGM

 

แต่ที่เป็นไฮไลต์นอกจากเหล่าเทพ คือ ปี๊เซียะตัวผู้-ตัวเมีย ที่ด้านหน้าศาลซำปอกง ว่ากันว่า นอกจากนักท่องเที่ยวจะมาลูบคลำเพื่อขอโชคลาภแล้ว ยังเชื่อกันว่าถ้าผู้ชายไปลูบหัวปี๊เซียะตัวเมีย แล้วตบบั้นท้ายเบาๆ จะทำให้ภรรยาอยู่ในโอวาท ส่วนฝ่ายหญิงถ้าอยากให้สามีอยู่ในโอวาทก็ให้มาเอามือไปลูบที่หัวปี๊เซียะตัวผู้ แล้วตบบั้นท้ายเบาๆ ส่วนคนไม่มีคู่หรืออยากมีลูกก็มาขอได้เช่นกัน งานนี้เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน

ถัดจากปี๊เซียะเข้ามาจะพบกับอีกหนึ่งไฮไลต์ นั่นคือ “ต้นตาลคู่รัก” ว่ากันว่ามีคู่รักที่ไม่สมหวังมาผูกคอตายที่ต้นตาลแห่งนี้ ต่อมามีต้นตาลอีกต้นเกิดขึ้นมาเอง เลยมีความเชื่อว่าถ้าอยากจะมัดใจคู่รักให้อยู่ที่เราคนเดียว ให้นำเชือกมามัดไว้ที่ต้นตาลแห่งนี้

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก เบิร์ดอายวิวจากมาเก๊าทาวเวอร์

 

สาวแบ๊ว/หนุ่มติสต์ตะลุยมาเก๊า   

ปิดจ๊อบเส้นทางทำบุญ มาเอาใจสาวแบ๊ว หนุ่มติสต์ ด้วยสองที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เอาใจคนชอบถ่ายรูป ด้วยการพิชิต “มาเก๊า ทาวเวอร์” แลนด์มาร์คสำคัญพอๆ กับโบสถ์เซนต์ปอล แต่แทนที่จะสัมผัสมาเก๊าทาวเวอร์ในแนวราบ ลองตีตั๋วขึ้นไปชมความงามของมาเก๊าในมุมเบิร์ดอายวิว  สนนราคาอยู่ที่ 135 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 650 บาท) ความน่าสนใจของหอคอยแห่งนี้คือ มีความสูงเป็นอันดับที่ 8 ในเอเชีย และสูงเป็นอันดับที่ 10 ของโลก อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นอนุสาวรีย์หอคอยที่ยิ่งใหญ่ของโลกอีกด้วย

การขึ้นมาเก๊า ทาวเวอร์ ในตอนกลางวัน ภาพเบื้องหน้าคือเมืองที่สงบ เขียวชอุ่ม เรียงรายไปด้วยตึกสูง คั่นด้วยสายน้ำ ผิดกับตอนกลางคืน ที่ทั่วทั้งเมืองระยิบระยับไปด้วยแสงไฟจากกาสิโน กิจกรรมวัดใจสำหรับผู้ที่ขึ้นมามาเก๊า ทาวเวอร์ มีหลายอย่าง ตั้งแต่เก็บภาพถ่ายรูปกับวิวสวยๆ หรือจะเลือกจ่ายเงินออกไปวัดใจด้วยการเดินผ่านทางเดินกระจกด้านนอกรอบๆ ทาวเวอร์ แต่ถ้าอยากท้ามฤตยูกับระดับความสูงที่ติดอันดับโลก ที่นี่มีจุดบริการบันจี้จัมพ์ให้นักท่องเที่ยวได้กระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเสียง

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก มุมสวยๆ ในมาเก๊า

 

เสร็จจากหอคอย ทาวเวอร์ ถ้ายังไม่เหนื่อย อยากหาที่ถ่ายรูปสวยๆ อย่าลืมแวะมาเก๊าฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ อยู่ใกล้กับท่าเรือเฟอร์รี่และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ฮ่องกง-มาเก๊า จุดเด่นของที่นี่ก็คือ สถาปัตยกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ทางวัฒนธรรมของเมืองมาเก๊า พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง ที่พักอาศัย รวมถึงใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการและการชุมนุมต่างๆ

ไกด์ปุ้มปุ้ย เล่าว่า ผู้ที่ลงทุนสร้างมาเก๊าฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ  คือ แซนลี่ โฮล์ เจ้าพ่อกาสิโนในมาเก๊า ด้วยเงินลงทุน 185 ล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อแก้ฮวงจุ้ยกับกาสิโนแซนด์ของสหรัฐ ใครที่มามาเก๊าก่อนหน้านี้จะเห็นว่าที่นี่มีภูเขาไฟขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะฮวงจุ้ยหมดอายุไปแล้ว เลยรื้อออกและสร้างกาสิโนแห่งใหม่แทน สำหรับผู้มาเยือนฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ ในช่วงสายๆ บรรยากาศด้านในอาจไม่คึกคัก เพราะร้านรวงยังไม่เปิดให้บริการ แต่ถึงจะดูเงียบเหงาก็อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะ โดยเฉพาะคนมาเก๊านิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่ มุมไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ คือ มุมที่จำลองโคลอสเซียมจากอิตาลีมาไว้ให้เก็บภาพ

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก นักท่องเที่ยวรอชมโชว์ต้นไม้ที่โรงแรมวิน

 

ยามอาทิตย์ลับฟ้าเธอคือสาวร้อนแรง

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า มาเก๊าทั้งเมืองราวกับเป็นอีกเมือง เพราะเมืองที่เคยเงียบสงบกลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากกาสิโนที่เปรียบเทียบไปไม่ต่างกับหญิงสาวยามลุกขึ้นมาแต่งตัว กิจกรรมในยามค่ำคืนของมาเก๊ามี 2 อย่าง คือ ถ้ามั่นใจว่าอายุเกิน 21 ปี ก็เดินเข้ากาสิโนไปเสี่ยงโชคเลย หรือถ้าไม่งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสองเท้าจะพาไปย่ำราตรีชมแสงไฟในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟตามสะพานหรือหอคอยมาเก๊าทาวเวอร์ ที่ยามค่ำคืนสวยเฉี่ยวต่างกับสาวหวานที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน

ไกด์ปุ้มปุ้ย บอกว่า คนมาเก๊าส่วนใหญ่ทำงานในกาสิโน เพราะเป็นหนึ่งในอาชีพที่รัฐบาลมาเก๊าสงวนไว้นอกจากอาชีพค้าขายและขับรถ โดยคนที่จะทำ 3 อาชีพนี้ได้ต้องมีบัตรประชาชนมาเก๊า สำหรับประชาชนมาเก๊าสามารถเข้าไปใช้บริการในกาสิโนได้ ยกเว้นข้าราชการห้ามเข้าเด็ดขาด โดยแต่ละกาสิโนจะมีกล้องของแต่ละหน่วยราชการติดไว้เลย เพื่อดูว่ามีบุคลากรของหน่วยงานตัวเองเข้ามาโดยไม่สมเหตุสมควรหรือไม่ เพราะการที่ข้าราชการเข้ากาสิโนถือเป็นการเสียภาพลักษณ์

ยินดีที่ได้รู้จัก ‘มาเก๊า’ เมืองสองบุคลิก แสงสียามค่ำคืนของมาเก๊า

 

อีกเรื่องน่ารู้สำหรับผู้ที่มาเที่ยวมาเก๊าคือ ถ้าเข้าภัตตาคารหรือร้านอาหารแล้วเห็นพฤติกรรมของพนักงานเสิร์ฟที่ดูกระแทกกระทั้น จะวางช้อนส้อมแต่ละทีก็เสียงดัง อย่าได้หัวเสียไป เพราะคนมาเก๊าถือว่ายิ่งวางช้อนส้อมเสียงดังยิ่งเป็นการแสดงถึงความขยันขันแข็ง อย่างน้อยเจ้านายจะได้รู้ว่ากำลังตั้งใจทำงานอยู่ ที่สำคัญคือเวลาจะสั่งอะไรต้องเสียงดังเข้าว่า ถ้ามัวแต่สั่งเสียงเบาอย่าหวังว่าจะได้ของที่ต้องการ ถ้าไม่เชื่อต้องท้าพิสูจน์เอง

เวลา 3 วัน 2 คืน ในมาเก๊าอาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็มากพอที่จะทำความรู้จักเมืองแห่งนี้ในหลายแง่มุม ราวกับกำลังทำความรู้จักเพื่อนสาวคนหนึ่งที่มีหลายบุคลิก ถ้าคุณเองก็อยากทำความรู้จักกับสาวที่ชื่อ “มาเก๊า” ลองหาเวลามาเจอเธอสักครั้ง