หนึ่งร้อนก่อนตาย ณ แดนอาหรับราตรี
สิ่งแรกที่เขาคิดออกเมื่อนึกถึงโอมาน คือตัวเลข “50” คุณหนุ่ม-ชวลิต กรรมสาธก เล่าว่ามันไม่ใช่อายุ ไม่ใช่ระยะทาง
โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ ชวลิต กรรมสาธก
สิ่งแรกที่เขาคิดออกเมื่อนึกถึงโอมาน คือตัวเลข “50” คุณหนุ่ม-ชวลิต กรรมสาธก เล่าว่ามันไม่ใช่อายุ ไม่ใช่ระยะทาง แต่มันคืออุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ที่เขายังจำได้ดี
18 ชม.จากประเทศไทย คนเมืองร้อนเดินทางจากบ้านเกิดไปสู่ประเทศร้อนกว่าอย่างโอมาน “โอมานไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว” คุณหนุ่มกล่าวแบบนั้นแต่ก็ยังเดินทางไป โดยที่ทราบว่าช่วงนั้นเป็นฤดูร้อนที่ขนาดคนโอมานเองยังหนีไปเที่ยวต่างประเทศ แต่เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาส ซึ่งเขาพูดได้เต็มปากว่า “ครั้งเดียวพอ”
เมื่อถึงสนามบิน ณ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน คนไทยต้องไปขอวีซ่าประเภท Visa On Arrival และผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองโดยสามารถอยู่ได้ 30 วัน แต่คุณหนุ่มขอเที่ยวเป็นทริปสั้นๆ 3 วัน เพื่อสำรวจเมืองมัสกัต หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “อาหรับราตรี”
โอมานอยู่ในทวีปเอเชีย มีชายแดนติดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย และเยเมน เป็นประเทศค้าน้ำมัน นับถือศาสนาอิสลาม ปกครองโดยสุลต่าน และประชากรไม่ต้องเสียภาษี ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวไม่ถูกส่งเสริม เพราะประเทศร่ำรวยจากการค้าน้ำมันแล้ว แต่ก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ (คนเอเชียแทบไม่มี) อยู่บ้างตามจุดสำคัญๆ ในเมืองมัสกัตอย่างที่คุณหนุ่มไปเยือนมาแล้ว
มัสยิดหลักของเมืองชื่อ Sultan Qaboos Grand Mosque หรือเรียกสั้นๆ ว่า แกรนด์ มอสค์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทัวร์เมือง เพราะเป็นแลนด์มาร์คของมัสกัต คุณหนุ่มให้ข้อมูลว่า มัสยิดจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 4 ชม.เท่านั้น ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. ยกเว้นวันที่มีพิธีกรรมทางศาสนาจะไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน ดังนั้นควรไถ่ถามกับคนท้องถิ่นก่อนและใส่ไว้ในโปรแกรมวันแรก ไม่เช่นนั้นอาจเจอเหตุการณ์เดียวกับคุณหนุ่มที่พอดีไปเจอพิธีกรรมและอยู่เป็นวันสุดท้ายพอดี
แกรนด์ มอสค์ เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโอมาน คุณหนุ่มพลาดชมพรมทอมือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีอยู่ภายใน แต่ยังดื่มด่ำกับความวิจิตรของสถาปัตยกรรมภายนอกที่แม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนอ้าวก็ยังดูอ่อนโยน เพราะศิลปกรรมตามผนังและสีน้ำตาลนวลที่ทำให้จิตใจร่มเย็นอย่างน่าประหลาด
สถานที่สำคัญอีกแห่งอยู่ที่ พระราชวังอัล อาลาม (Al Alam Palace) เป็นที่ประทับของสุลต่านคาบูส คุณหนุ่มเล่าให้ฟังว่า “พระราชวังตั้งตระหง่านที่ปากอ่าวทางทิศตะวันตกของประเทศ รายล้อมไปด้วยปราสาทและป้อมปราการ” ซึ่งตามข้อมูลพระราชวังอัล อาลาม มีป้อมปราการโบราณ สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ป้อมหนึ่งที่ชื่อว่า จาลาลี ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม
จากนั้นคุณหนุ่มยังไปเดินสำรวจตลาด หรือที่เรียกว่า ซูค (Souk) เป็นตลาดขายของโบราณและสินค้ายอดนิยมอย่าง ผ้าซาราบั่น (ผ้าโพกหัว) ที่มีหลายเกรดให้เลือกตั้งแต่ราคา 200-1,000 บาท คุณหนุ่มเล่าให้ฟังว่า “ใจกลางกรุงมัสกัตมีตลาดซูคและห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของโอมานที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านแบรนด์เนมให้เลือกซื้อของ” โดยสินค้าเกือบทั้งหมดเป็นสินค้านำเข้า จึงทำให้สินค้ามีราคาสูงกว่าปกติ ถ้าเป็นประเภทผลิตผลทางการเกษตรน่าจะมีแต่อินทผลัมที่นับเป็นสินค้าท้องถิ่นได้
นอกจากซูคแล้ว ย่านที่มีการค้าขายคึกคักคือบริเวณท่าเรือริมทะเล ย่านนั้นจะมีบ้านเรือนแบบอาหรับเป็นจำนวนมาก รวมถึงโรงแรมก็มักเลือกทำเลแถวนั้นด้วย คุณหนุ่มแนะนำให้เหมาแท็กซี่แล้วนั่งมากินลมชมวิวบนถนนเลียบชายหาด โดยเฉพาะยามเย็นหลังพระอาทิตย์ตกดิน แสงไฟจากบ้านเรือนจะเริ่มเปิดทำให้ย่านนั้นกลายเป็น อาหรับราตรี ของจริง
“การเดินทางภายในเมืองมัสกัตไม่มีรถโดยสารสาธารณะ แต่จะมีรถตู้เหมือนคิวรถตู้หน้าจตุจักร” เขาเปรียบ และรถแท็กซี่โอมานไม่มีมิเตอร์ แต่จะคิดราคาตามที่ตกลงกัน แต่โดยส่วนใหญ่ผู้คนโอมานจะมีรถส่วนตัวขับใช้เอง
ถามคุณหนุ่มว่ามีความประทับใจกับสถานที่แห่งใดมากที่สุด เขาคิดอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจตอบ “ป้อมปราการ” เขาเจาะจงไปที่ป้อมปราการตรงปากอ่าวที่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปได้
“ก้าวขาขึ้นไปป้อมปราการในขณะที่อุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส มันเหนื่อยมาก แต่เมื่อขึ้นไปแล้วมองลงมาด้านล่างเห็นเมืองมัสกัตทั้งหมด เห็นทะเล เห็นท่าเรือ เรากลับรู้สึกคุ้มค่ากับเหงื่อที่เราเสียไป” คุณหนุ่มกล่าว
ผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมน่าจะหลงใหลเมืองนี้เข้าอย่างจัง แต่สำหรับขาเที่ยวธรรมชาติ ต้องนั่งรถออกไปเที่ยวทะเลทรายที่อยู่ห่างออกไป 300 กม. เพราะหากอยู่แต่ในเมืองจะเห็นเพียงทิวเขาที่ไม่มีต้นไม้ คุณหนุ่มยังบอกด้วยว่า ต้นไม้ในโอมานถือเป็นทรัพยากรที่ถูกหวงแหน และจะเห็นต้นไม้ในย่านเศรษฐกิจดีๆ เท่านั้น
ฤดูร้อนที่โอมานยาวนาน 7 เดือน ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต.ค. จากนั้นเดือน พ.ย.-มี.ค.จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิจะลดเหลือ 20-25 องศาเซลเซียส เขาแนะนำให้ไปช่วงปลายปีจะได้ไม่ต้องทรมานกับอากาศร้อนอ้าว และยังได้พบปะผู้คนตามท้องถนนในเวลากลางวันที่คุณหนุ่มการันตีว่า คนโอมานน่ารักและยิ้มแย้มแจ่มใสผิดกับหน้าตาที่แลดูเคร่งขรึม
สำหรับตัวคุณหนุ่ม ประสบการณ์โอมานครั้งแรกถือว่าเพียงพอแล้ว เขาเข็ดกับความร้อนระดับ 50 องศาเซลเซียส แต่กลับยังมีความทรงจำนานาที่ยังไม่ลืม โอมานไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ไม่มีโปรฯ จากสายการบิน ไม่ได้อยู่ใน Wish List ของคนทั่วไป แต่เพราะเช่นนี้เองทำให้โอมานยังเป็นดินแดนอาหรับราตรีที่น่าเย้ายวนใจให้ตามหาความงาม
รู้ไว้ก่อนไป 1. คนโอมานรับประทานอาหารกลางวันประมาณ 14.30 น. และอาหารเย็นประมาณ 21.00 น. 2. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ในที่สาธารณะถือว่าผิดกฎหมาย 3. การถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมจะอดอาหารตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงตก ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ไปช่วงนั้นควรเคารพกฎนี้อย่างการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ 4. ชาวโอมานจะสวมใส่ชุดประจำชาติโดยผู้หญิงจะใส่เสื้อผ้ารัดกุม ดังนั้นนักท่องเที่ยวก็ควรเคารพวัฒนธรรมโดยการแต่งกายมิดชิด และไม่ควรใส่กางเกงขาสั้นทั้งหญิงและชาย