posttoday

ดุสิตา นาสุริยวงศ์ 2 ล้อ ท่องโลก

05 กันยายน 2558

วงการรถมอเตอร์ไซค์วิบากกำลังจับตามองผู้หญิงคนนี้หญิง-ดุสิตา นาสุริยวงศ์

โดย...รอนแรม ภาพ... ดุสิตา นาสุริยวงศ์

วงการรถมอเตอร์ไซค์วิบากกำลังจับตามองผู้หญิงคนนี้หญิง-ดุสิตา นาสุริยวงศ์ เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้าเธอจะเดินทางไปแข่งขันจีเอส โทรฟี่ (GS Trophy) รายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากระดับโลก โดยปีนี้เปิดคัดเลือกนักแข่งหญิงเป็นครั้งแรก และเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในเอเชียที่ผ่านเข้าไป

นอกจากนี้ เธอกับบิ๊กไบค์คู่ใจยังตะลอนไปทุกที่ทั่วไทยเพื่อท่องเที่ยวแนวผจญภัย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงกล้าขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มากขึ้น

มิตรภาพระหว่างหญิงตัวเล็กกับเพื่อนคันโตดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่คุณหญิงได้พิสูจน์แล้วว่ามิตรภาพนี้ไปได้ไกลแค่ไหน

ดุสิตา นาสุริยวงศ์ 2 ล้อ ท่องโลก

 

ผู้หญิงบิ๊กไบค์

คุณหญิงเริ่มขับบิ๊กไบค์เมื่อ 3 ปีก่อน เพราะความชอบส่วนตัวตั้งแต่เด็ก “เวลาเห็นผู้ชายขับแล้วมันเท่” เธอกล่าว“เห็นเขาขี่เพื่อท่องเที่ยวก็อยากทำแบบนั้นบ้าง”

เธอจึงเริ่มจากคันเล็กก่อนแบบ 150-250 ซีซี เพื่อค้นหาตัวเองว่าชอบขี่บิ๊กไบค์จริงหรือไม่ ซึ่งคำตอบที่พบคือเธอรักมันเข้าอย่างจัง จึงตัดสินใจซื้อบีเอ็มดับเบิลยู จีเอส800 ประเภทเอ็นดูโร่ ที่สามารถพาเธอไปผจญภัยได้ทุกรูปแบบ

“รถเอ็นดูโร่ แอดเวนเจอร์ มันสามารถไปได้ทุกสภาพถนน ทั้งถนนเรียบหรือถนนที่มีอุปสรรค อย่างเราขี่ไปต่างประเทศเป็นถนนที่เราไม่รู้จัก เจอถนนพัง ดินสไลด์ มอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ก็สามารถผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ ซึ่งขนาดเราเองยังสงสัยว่า เราสามารถขี่ผ่านทางแบบนี้ไปได้ด้วย” คุณหญิง กล่าว

ดุสิตา นาสุริยวงศ์ 2 ล้อ ท่องโลก

 

ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยว่า การขี่มอเตอร์ไซค์มีข้อได้เปรียบกว่ารถยนต์ตรงที่สามารถไปในทางแคบๆ อย่างเข้าป่าไปเจอธรรมชาติก็สามารถผ่านไปได้ ทำให้บางเส้นทางมอเตอร์ไซค์จะพาไปได้ไกลกว่ารถยนต์

ตอนนี้คุณหญิงทำงานเป็นพนักงานฝ่ายขายรถบิ๊กไบค์ที่เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด พระราม 2 หนึ่งในดีลเลอร์ขายรถบิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู เรียกได้ว่า ไม่ว่าเวลางานหรือเวลาเที่ยวก็ยังคลุกคลีกับบิ๊กไบค์ตลอด ในวันหยุดเธอมักพาสองล้อคู่ใจออกไปตะลุยเที่ยว ซึ่งมักจะเลือกเส้นทางลุยๆ อย่างที่เธอชอบ ยกตัวอย่าง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ถนนมีโค้งให้เล่น มีช่วงขรุขระท้าทาย ซึ่งขาแอดเวนเจอร์อย่างเธอคิดออกเป็นเส้นแรกเมื่อให้แนะนำ อีกเส้นเธอเลือก อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีโค้งให้เล่นถึง 1,864 โค้ง ธรรมชาติสวยงามอากาศดี เป็นเส้นทางที่คนชอบบิ๊กไบค์ต้องมาลองสักครั้ง

นอกจากนี้ คุณหญิงยังตะลุยไกลถึงประเทศเพื่อนบ้านโดยขี่จากไทยผ่านชายแดนไปยังประเทศต่างๆ ทั้งหลวงพระบาง ประเทศลาว ซาปา ประเทศเวียดนาม และคาเมรอนไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่จะรวมกลุ่มเพื่อนแล้ววางแผนเที่ยวกันเอง ยกเว้นทริปเวียดนามที่เพิ่งกลับมาเมื่อเดือนที่แล้ว เธอได้ซื้อทัวร์บิ๊กไบค์ซึ่งมีผู้หญิงเข้าร่วมทริปด้วย

ดุสิตา นาสุริยวงศ์ 2 ล้อ ท่องโลก

 

“มีรุ่นน้องที่เห็นเรา ได้คุยกับเรา เขาเห็นว่าเราไปเที่ยวเยอะมาก เราก็เล่าประสบการณ์ให้เขาฟัง จนตอนนี้มีผู้หญิงหันมาขี่บิ๊กไบค์แอดเวนเจอร์มากขึ้น” เธอกล่าว และยังการันตีว่ารูปร่างกับขนาดมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่อุปสรรค

“จริงๆ แล้วเรื่องน้ำหนักไม่ต้องกังวล” ตัวเธอเองพิสูจน์ให้เห็นแล้ว “คนตัวเล็กก็สามารถขี่ได้แค่กล้าเปิดใส่อุปสรรค ถ้าคุณมีทักษะที่ดีก็สามารถขี่บิ๊กไบค์ได้”

ทักษะของเธอถูกฝึกฝนอย่างหนักตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อที่จะพาตัวเองสู่สนามแข่งขันระดับโลก ซึ่งในตอนนี้เธอใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว

ดุสิตา นาสุริยวงศ์ 2 ล้อ ท่องโลก

 

หนึ่งเดียวในเอเชีย

วันที่ 11 ก.ย.ที่จะถึงนี้ เธอจะลงสนามแข่งขัน จีเอสโทรฟี่ ฟีเมล ทีม ควอลิฟาย (GS Trophy Female Team Qualifier) ที่ประเทศแอฟริกาใต้ คุณหญิงผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าแข่งขันผู้หญิง 119 คน 29 ประเทศทั่วโลก ให้เหลือ10 คนสุดท้ายจาก 10 ประเทศ ไปแข่งขันต่อที่แอฟริกาใต้เพื่อคัดเลือกให้เหลือเพียง 3 คน จากนั้นนักแข่งหญิง 3 คน จะรวมตัวกันเป็น 1 ทีม ไปแข่งกับทีมชาย โดยมีข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า อาจมาแข่งขันที่ จ.เชียงใหม่ ประเทศไทยนี่เอง

“หญิงฝึกอยู่ในป่าหนองหญ้าปล้อง 2 ปี โดยเริ่มจากรถเล็กก่อน เพราะเราจะกล้าล้ม กล้าเล่นพอลองรถเล็กเสร็จปุ๊บก็ไปขี่รถใหญ่ เพราะมีเบสิกเดียวกัน แตกต่างกันแค่ไซส์รถ” เธอเล่าการฝึกซ้อม ซึ่งไม่ว่าล้มเป็นร้อยครั้งแต่เธอก็ยังสู้ และสนุกไปกับมัน

การแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอก้าวสู่สนามแข่งขัน และตรงจังหวะกับทางจีเอส โทรฟี่เปิดแข่งรุ่นผู้หญิง ทำให้เธอผ่านเข้ารอบลึกๆ และมีโอกาสร่วมทีมแข่งระดับโลก แต่แม้ว่าเธอจะซ้อมอย่างดีแล้วก็ยังมีเรื่องกังวลโดยเฉพาะขนาดรถที่ต้องขับไซส์ 1,200 ซีซี ที่ใหญ่กว่ารถของเธอ

“รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์เล่าให้ฟังว่า ให้เราเน้นการบาลานซ์รถ ขับช้า การทรงตัว ทำสมาธิ บางคนขับเก่งก็ไม่อาจนำมาใช้ในการแข่งขันนี้ เพราะสิ่งสำคัญคือต้องมีสติ สมาธิ และทักษะที่ดีมาก” คุณหญิง กล่าว

เคล็ดลับ 3 ประการ

เสน่ห์ของการขับรถบนเส้นทางวิบาก คือ ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าข้างหน้าจะเจออะไร สภาพทางแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นทรายเปียก ทรายแห้ง ทางดินแดงหินกรวด หรือทางแม่น้ำ ซึ่งก็ต้องพิจารณาอีกว่าน้ำนิ่งหรือแปรปรวน ดังนั้นระหว่างทางจึงต้องวางแผนและรู้จักหยุดคิด

“เวลาเจออุปสรรคอาจจะหยุดก่อน แล้วลงไปเช็กเส้นทางว่าจะไปต่ออย่างไร ถ้าเจอแม่น้ำก็ต้องดูว่าลึกไหม หินใต้น้ำลื่นไหม เพื่อที่จะได้คิดวางแผนขี่ต่อไปให้ผ่านพ้นอุปสรรค เวลาเราผ่านไปได้ก็จะรู้สึกภูมิใจที่สามารถแก้ไขปัญหาและผ่านมันไปได้” คุณหญิง กล่าว เธอยังพูดถึงเรื่องความแข็งแรงของร่างกายที่ต้องฟิตอยู่เสมอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแขนและขาที่ต้องใช้กำลังมากเวลาขี่

สำหรับคนอื่นๆ ที่กำลังคิดว่าจะขี่บิ๊กไบค์เพื่อการท่องเที่ยวเธอฝากเคล็ดไม่ลับไว้ 3 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง มีครูที่ดี “คนที่ขี่บิ๊กไบค์ได้ดีไม่ใช่คนขี่มอเตอร์ไซค์เป็น แต่คุณต้องมีทักษะ เทคนิคจากครูที่มีประสบการณ์”

สอง เครื่องแต่งกายที่ดี “อุปกรณ์ที่สามารถเซฟร่างกายได้สำคัญมากๆ อย่างหญิงรถล้มนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าไม่มีรองเท้าที่ดี พอรถทับขา ขาอาจหัก และไม่สามารถขี่ต่อได้”

และสาม รถที่ดี “เราต้องเลือกรถที่เหมาะกับตัวเรา โดยค่อยๆ ทดลองขี่ไป แล้วจะพบว่าเราชอบรถแบบไหน และรถคันไหนเหมาะกับตัวเอง”

ตอนนี้คุณหญิงอายุ 30 ปี กลายเป็นนักขี่มอเตอร์ไซค์วิบากระดับแถวหน้าของประเทศไทย และจะได้เป็นตัวแทนโลกด้วยหรือไม่ เธอฝากคนไทยช่วยส่งแรงใจเชียร์เธอด้วย

โลกของหญิง

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ คุณหญิงอยากให้โลกใบนั้น“ทุกคนไม่ทะเลาะกัน ไม่อดอยาก และมีธรรมะในใจ” และเธอยังหวังให้ทุกคนกล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ อย่างบิ๊กไบค์กับสาวงาม ที่ปรากฏชัดแล้วว่า หากรักและกล้าทำก็จะนำพาไปสู่สิ่งดีๆ อย่างที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเธอขณะนี้ขอเป็นกำลังใจให้เธอ