posttoday

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

29 สิงหาคม 2558

เธอเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ” อ้อย-มนทิรา จูฑะพุทธิ เจ้าของหนังสือเรื่อง “หิมาลัยใช้ใจเดิน”

โดย...รอนแรม ภาพ... มนทิรา จูฑะพุทธิ

เธอเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “โลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ” อ้อย-มนทิรา จูฑะพุทธิ เจ้าของหนังสือเรื่อง “หิมาลัยใช้ใจเดิน” ว่าด้วยการเดินเท้าสู่หิมาลัยของหญิงวัย 50 กว่า กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่เกิดจากความบังเอิญ แต่เรื่องราวหลังจากนั้นล้วนเป็น จังหวะชีวิต ที่เธอเป็นคนกำหนดเอง

คอมฟอร์ตโซน

“การเดินเทรกกิ้งไม่เคยอยู่ในหัวเลย” เธอกล่าวเป็นอย่างแรกเมื่อจะเล่าถึงการเดินทางสู่หิมาลัยเมื่อปี 2556 คุณอ้อยบังเอิญรู้จักเส้นทางเทรกกิ้งโกเรปานี พูนฮิลล์ (Ghorepani Poon Hill Trek) ที่เดินง่ายที่สุดโดยใช้เวลาเดิน 5 วัน ไปกับเพื่อนเดินทางรุ่นน้องแล้วไปสมทบกับกลุ่มคนไทยที่จองทัวร์เดียวกันที่เนปาล

คุณอ้อยนิยามตัวเองว่า “ชอบกินหรูอยู่สบาย” แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองสบายเกินไปจนเหมือนติดอยู่ในกรอบบางอย่าง เธอจึงตัดสินใจท้าทายตัวเอง

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

 

“เราเดินทางเพราะอยากออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง เหมือนที่เขาพูดกันว่าถ้าเราออกจากพื้นที่ตรงนั้นแล้วเราจะเติบโตขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง”

เธอยังบอกด้วยว่า ตัวเธอไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่เป็นนักเดินทาง ทั้งดูแผนที่ไม่เป็น ชอบหลงทาง กลัวผี แต่เธอมีคุณสมบัติอยู่อย่างที่หักล้างสิ่งเหล่านี้ได้ “เราเป็นคนทำทุกอย่างด้วยความรัก” คุณอ้อยเผย “พอรักแล้วก็จะทำอย่างจริงจัง อย่างเมื่อรักการเดินทางเราก็จะชนะความกลัว”

จากที่เธอกล่าวว่าเป็นคนกินหรูอยู่สบายดูจะตรงข้ามกับสิ่งที่ทำ ซึ่งคุณอ้อยได้อธิบายเพิ่มว่า การกินหรูอยู่สบายสำหรับเธอไม่ใช่การนอนในโรงแรม 5 ดาว แต่พักในโรงแรมที่อยากนอน ใช้ชีวิตในสถานที่ที่เลือกแล้ว และไปกินอาหารที่เอร็ดอร่อยของเมืองนั้น

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

 

ปีศาจ

เวลา 5 วันที่ต้องเทรกกิ้งสู่หิมาลัย คุณอ้อยได้พบกับปีศาจที่ออกมาจากตัวเอง

“ปีศาจออกมาตั้งแต่วันแรกที่เดิน” เธอเล่า “มันมีความคิดปีศาจดังออกมาว่า สมน้ำหน้า! อยู่ดีไม่ว่าดีมาเดินทำไม” แต่ทว่าก็มีอีกเสียงหนึ่งที่ดังไม่แพ้กันบอกว่า “ถ้าไม่เดินก็ไม่รู้ แล้วก็จะไม่เห็น ถ้าไม่หลุดจากกรอบความคุ้นชินเดิมแล้วจะเห็นโลกใบใหม่ได้ยังไง” สองเสียงในตัวเองต่อสู้กันแบบนี้ แต่เมื่อเธอผ่านไปได้แล้ว ก็กลับรู้สึกว่าเวลา 5 วันนั้นช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน

ในขณะที่เทรกกิ้งเธอประสบปัญหา “เดินเร็วและหาจังหวะเดินไม่ได้” ไกด์บอกให้เธอรู้ตัว ซึ่งมันทำให้เธอพลาดบางสิ่งที่เพิ่งเดินผ่านมา เช่น เหตุการณ์เล็กๆ เมื่อเธอเดินแซงบัดดี้รุ่นน้อง จึงไม่ได้หยุดดื่มกาแฟระหว่างทางด้วยกัน แต่ทำให้เธอเห็นความหมายของการใช้ชีวิต

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

 

“เวลาเดินเหนื่อยก็พัก มีเวลารื่นรมย์กับดอกไม้ข้างทางบ้าง ไม่ใช่จะมุ่งหน้าเดินไปสู่เป้าหมายจนลืมหรือละเลยบางสิ่งบางอย่างไป” คุณอ้อยตกผลึกความคิด“แม้แต่การก้าวเดินก็สอนเราเรื่องสมดุลในชีวิต เพราะเวลาเดินควรคอยดูเพื่อนร่วมทาง หรือหันกลับไปมองว่ามีคนเดินตามมาหรือเปล่า เพื่อให้เราเดินทางโดยไม่โดดเดี่ยวและว้าเหว่จนเกินไป เพราะในความสำเร็จที่ไม่มีคนเดินอยู่คู่กันมันเหงา” เธอกล่าว

อาวุโส

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธออายุ 51 ปีนับว่ามีอายุมากที่สุดในกลุ่มคนที่เดินขึ้นหิมาลัยด้วยกัน แต่สิ่งที่เธอเป็นกังวลไม่ใช่อายุของตัวเอง แต่กลัวคนอื่นจะปรามาสว่าจะเดินไม่ไหวและเป็นภาระของเพื่อนเดินทางมากกว่า

“อายุไม่ใช่อุปสรรคในการเดินทาง” เธอกล่าว “อายุมากมันมาพร้อมกับประสบการณ์ อ่อนหรือแก่ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข แต่มันอยู่ข้างในใจเราต่างหาก” ตอนนี้เธออายุ 63 ปีแล้ว เธอยกตัวอย่างเพื่อนระหว่างที่เคยเจอเป็นหญิงชาวญี่ปุ่นอายุ 73 ปี ไปเดินเทรกกิ้งที่เนปาล ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

 

คุณอ้อยเดินทางมาค่อนชีวิต เคยไปมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป้าหมายใหญ่ในชีวิตคือการเดินทางรอบโลก “เราคิดว่าตัวเองทำได้ แม้ว่าตอนนี้ยังขาดอีกหลายทวีป แต่ในเมื่อยังมีแรงอยู่ก็จะเดินทางไปเรื่อยๆ” เธอกล่าว

“เราจะไม่เก็บเงินไปเที่ยวตอนแก่ แต่จะเที่ยวในเวลาที่มีเงินและมีกำลัง เราต้องคิดว่าจะเที่ยวไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เงินที่เก็บมาถึงตอนนั้นจะไปเที่ยวไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดังนั้นคนที่รักการเดินทางจะเดินทางอยู่ตลอด” ประสบการณ์อาบน้ำร้อนมาก่อนบอกเธอแบบนี้ และยังกล่าวด้วยว่า“การเดินทางเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะมันคือการพาตัวเองออกไปเรียนรู้ ออกไปเห็นคนอื่น ค้นพบโลกใบใหม่เพื่อจะได้พัฒนาตัวเอง”

อย่างเธอเองที่เมื่อกลับมาจากหิมาลัยแล้วทำให้มองโลกง่ายขึ้น “ไม่บ่นมากเหมือนแต่ก่อน” เธอหัวเราะ “พอผ่านการเดินที่หนักที่สุดในชีวิตมาแล้ว ทำให้เรียนรู้ว่ามันไม่มีคำว่าง่ายหรือยาก แต่มันคือการทำไปตามสเต็ป เหมือนเดินหิมาลัยเราเดิน กิน นอน ทำตามที่ไกด์บอกแล้วเราก็จะไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย”

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

 

โลกของมนทิรา

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เธออยากให้โลกใบนั้นมีแต่คนที่ไม่เห็นแก่ตัว “ตอนนี้ที่โลกมันร้อนแรงเพราะคนเห็นแก่ตัวเอง ถ้าคนลดเรื่องนี้ลงได้บ้าง โลกก็จะสงบและเย็นลง ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ อย่างในครอบครัว ถ้าเราเริ่มรู้จักเห็นแก่คนอื่นด้วย ทุกอย่างมันจะดี”

นอกจากเธอจะเป็นนักเขียนเจ้าของหนังสือท่องเที่ยว 4 เล่ม 4 เรื่องราว ได้แก่ ภูฏาน เอธิโอเปีย ไทยและหิมาลัย หน้าที่การงานของเธอก็เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรงกับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร อพท. (องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)) องค์กรที่จะทำงานร่วมกับชาวบ้าน เพื่อให้ชุมชนในพื้นที่พิเศษทั้ง6 แห่ง มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งเป็นงานที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเธอที่ชอบเที่ยวลงลึกไปในชุมชน ณ จุดหมายนั้นนานๆ

คอลัมน์ My Planet วันที่ 15 ส.ค. 2558 ได้เล่าเรื่องราว “หมอๆ ตะลุยโลก การเดินทางฉบับเด็กเนิร์ด” ซึ่งได้กล่าวถึงหมอโจ้คู่หูของหมอวิน หมอโจ้ - อรรควิชญ์ หาญนวโชค ขณะนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ การเดินทางและท่องเที่ยว โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งระยะเวลา 6 ปี ที่ร่ำเรียนมาและทำงานมาแล้ว 4 ปี จึงผิดอย่างมากที่จะกล่าวว่า “โจ้เป็นคนไม่เรียน”  ติดตามสาระดีๆ ด้านเวชศาสตร์ การเดินทางและท่องเที่ยวได้ที่เว็บไซต์หมอๆ ตะลุยโลก www.worldwantswandering.com และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/ Worl

มนทิรา จูฑะพุทธิ 50 แล้วไงถ้าใจอยากเที่ยว

dwantswandering