posttoday

Mommy นักเที่ยว เปิ้ล สเป็นเซอร์

08 สิงหาคม 2558

การเดินทางครั้งใหม่เกิดขึ้นหลังจากครอบครัวสเป็นเซอร์ได้ต้อนรับลูกชายตัวน้อย คู่รักนักเดินทางอย่างเจย์และเปิ้ล สเป็นเซอร์

โดย...รอนแรม ภาพ...จริยดี สเป็นเซอร์

การเดินทางครั้งใหม่เกิดขึ้นหลังจากครอบครัวสเป็นเซอร์ได้ต้อนรับลูกชายตัวน้อย คู่รักนักเดินทางอย่างเจย์และเปิ้ล สเป็นเซอร์ จึงพาลูกเที่ยวและปลูกฝังให้เขาเป็น “นักเดินทาง”

เปิ้ล-จริยดี สเป็นเซอร์ รักการเดินทางและเที่ยวไม่หยุดตั้งแต่จำความได้เธอมีพาสปอร์ต 4 เล่ม (ไม่รวมสมัยเด็กที่หาไม่เจอ) เป็นบันทึกการเดินทางส่วนตัวที่ทำให้รู้ว่าแค่นี้ยังน้อยไป

นักเที่ยว

คุณเปิ้ลหลงใหลการเดินทางเพราะมันทำให้เธอมีความสุข เธอเล่าว่าเคยคุยกับคุณเจย์ว่า ถ้าทำการเดินทางเป็นอาชีพได้คงดีมาก เพราะเวลาทำในสิ่งที่ชอบจะทำได้ดีและมีความสุข

Mommy นักเที่ยว เปิ้ล สเป็นเซอร์

 

ก่อนมีน้องเจค ทั้งสองคนเดินทางเป็นว่าเล่นแบบคิดอยากไปวันนี้ วันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทาง แต่ตอนนี้เธอต้องวางแผนล่วงหน้ามากขึ้นเพราะมีลูกไปด้วย

“ถ้าถามว่ามีลูกแล้วจะหยุดเที่ยวไหม คงไม่หยุด แต่มันต้องวางแผนล่วงหน้า” เธอกล่าว ยกตัวอย่างการเลือกที่พัก จะเลือกโรงแรมบูติกที่เหมาะกับคู่ฮันนีมูนคงไม่ได้แล้ว เพราะเธอเข้าใจสถานการณ์เวลาเด็กร้องไห้ในขณะที่กำลังพักผ่อน การเดินทางก็ต้องรอบคอบมากขึ้น โดยคิดถึงความปลอดภัยของลูกชายเป็นหลัก และวางแผนกระทั่งถ้าลูกป่วยกะทันหันจะต้องทำอย่างไรบ้าง

“เราเคยไปเที่ยวโดยที่ไม่มีลูกแล้วมันรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไป ทำให้เวลาไปเที่ยวไหนก็ต้องมีลูกไปด้วย ไม่มีไม่ได้แล้ว” โดยส่วนใหญ่คุณเปิ้ลจะเป็นคนวางแผนการเดินทางเองทั้งหมด จากการอ่านหนังสือ เสิร์ชข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและสอบถามจากคนที่เคยไปแล้ว

Mommy นักเที่ยว เปิ้ล สเป็นเซอร์

 

“มีอยู่ช่วงหนึ่งเที่ยวเยอะมาก จนจำไม่ได้ว่าเคยไปแล้ว” เธอเล่า “เรียกว่าเสพติดการเดินทาง เวลาไปจะไม่ได้ไปแค่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์ค แต่จะตามรับประทานอาหารท้องถิ่น หรือไปในที่ที่เข้าถึงยากหน่อย สถานที่ที่คนท้องถิ่นเขาไปกัน”

สถานที่สุดแปลกที่เธอเคยไปเยือน คือ เมืองเยลโลว์ไนฟ์ (Yellowknife) ที่ตั้งเหมืองเพชร Diavik Diamond Mine “เวลาบอกคนแคนาเดียนว่าเคยไป พวกเขาจะย้อนกลับมาว่า ไปทำไม” คุณเปิ้ล กล่าว แต่เธอเลือกไปเพราะอยากเห็นแสงเหนือซึ่งปรากฏการณ์นี้หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียว นักท่องเที่ยวจะนิยมไปมากโดยเฉพาะคนญี่ปุ่น

ส่วนประเทศที่เธอต้องไปกับสามีทุกปี คือ ประเทศอังกฤษ โดยจะกลับไปเยี่ยมพ่อ แม่ และน้องสาวของคุณเจย์ในช่วงคริสต์มาส ยกเว้นปีที่แล้วที่ไม่ได้ไปเพราะมีลูก ส่วนปีนี้ไม่แน่ว่าจะพลาดอีก เพราะคุณเปิ้ลมีแผนมีทายาทอีกคนเร็วๆ นี้

Mommy นักเที่ยว เปิ้ล สเป็นเซอร์

 

นักดำน้ำ

ก่อนมีลูกคุณเปิ้ลจะออกเดินทางเพื่อดำน้ำปีละ 3 ครั้ง ซึ่งเธอชักชวนสามีลงน้ำด้วยสำเร็จและเป็นบัดดี้ยามอยู่ใต้น้ำ “แต่ก่อนคุณเจย์ไม่เคยดำน้ำ” เธอกล่าวถึงสามี “แต่เปิ้ลก็ชวนเขาโดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเจย์
ดำน้ำ เปิ้ลก็จะเล่นสกีตามที่เจย์ต้องการ” ผลปรากฏว่าคุณเจย์ตกหลุมรักการดำน้ำด้วยอีกคนและตระเวนไปไดรฟ์ต่างๆ ทั่วโลก

เธอเริ่มเรียนดำน้ำเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ไดรฟ์แรก คือ ที่หินม่วง หินแดง เกาะพีพี ซึ่งในขณะนั้นวิชาดำน้ำยังเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่สนใจ แต่สำหรับเธอเมื่อเริ่มเรียนแล้วก็ติดใจตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งตั้งครรภ์และคลอดลูกทำให้เธอหยุดดำน้ำไปโดยปริยาย นับเป็นเวลา 2 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับสู่โลกใต้น้ำ แต่เธอก็มีความตั้งใจว่าอีกไม่นานจะกลับไปแน่นอน

“เวลาดำน้ำเหมือนได้อยู่ในโลกมหัศจรรย์” คุณเปิ้ลกล่าวถึงเสน่ห์การดำน้ำ “เปิ้ลว่ามันเป็นความผิดปกติที่มนุษย์สามารถทำได้ เราสามารถอยู่ใต้น้ำเป็นชั่วโมง ได้เห็นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ เหมือนกับว่าได้เข้าสู่โลกอีกใบที่คนทั่วไปมองไม่เห็น” ไม่ว่าทริปนั้นจะทรหดแค่ไหนเธอก็ยังได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมา

Mommy นักเที่ยว เปิ้ล สเป็นเซอร์

 

นักบันทึก

การเดินทางทำให้เธอพบเจอผู้คนต่างวัฒนธรรม ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ไม่คุ้นชิน ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่พบเห็นระหว่างทางช่วยให้เธอพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตและความคิดสร้างสรรค์

“ทุกครั้งที่ออกเดินทางมันเป็นการจุดประกายทุกครั้ง เพราะเราได้ไปเห็นสิ่งที่แตกต่างจากนั้นก็นำกลับมาปรับใช้ในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” เธอกล่าว “จริงอยู่ว่าข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีมากมาย เราสามารถหาแรงบันดาลใจจากในนั้นก็ได้ แต่เราจะไม่ได้รับรู้ สัมผัส กลิ่น เสียง เพราะเมื่อเรารับรู้ความรู้สึกจริงๆ เราจะนำมันมาพัฒนาต่อได้”

คุณเปิ้ลเก็บบันทึกความทรงจำผ่านภาพถ่าย เธอยังจำได้เวลาย้อนกลับไปดูภาพทริปเมียนมากับคุณเจย์เมื่อคบกันใหม่ๆ “ตอนนั้นเปิ้ลผมสั้นมาก ยังคิดอยู่เลยว่าเจย์มารักได้ยังไง” เสียงหัวเราะเกิดขึ้นเมื่อมองภาพเก่า “หรือภาพที่พุกาม ยังจำได้ว่าเราเคยทะเลาะกันบนเจดีย์ตอนที่ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน เป็นทริปที่เหนื่อย แต่พอกลับมาทำให้รู้เลยว่า เราสามารถใช้ชีวิตร่วมกันกับคนคนนี้ได้”

เมียนมาเมื่อ 8 ปีที่แล้วยังดิบและยังไม่เปิดประเทศเช่นทุกวันนี้ ตามคอนเซ็ปต์การเดินทางของคุณเปิ้ลที่จะไปในที่ที่คนอื่นไม่ไป ซึ่งเธอก็จะสอนลูกชายให้เป็นขาลุยแบบนี้ด้วย

“พาลูกเที่ยวไม่ใช่เรื่องยากเลย ทำชีวิตให้ง่าย อย่ามีแพลตฟอร์มในการเลี้ยงลูกมากเกินไป เด็กๆ ชอบออกจากบ้านอยู่แล้ว เขาจะมีความสุขเวลาออกนอกบ้านและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ จะช่วยให้พัฒนาการของเขาดีขึ้นด้วย” ในฐานะแม่เธอสนับสนุนให้แม่ทุกคนพาลูกเที่ยว

โลกของเปิ้ล

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เธออยากให้โลกใบนั้นมีธรรมชาติให้มากที่สุด “เวลาเปิ้ลกลับไปดำน้ำในที่เดิมๆ มันเห็นเลยว่าธรรมชาติเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี ถ้าเป็นไปได้ เปิ้ลอยากเห็นความเขียวของต้นไม้ น้ำที่สะอาด โลกใต้น้ำที่สมบูรณ์ เปิ้ลเชื่อว่าถ้าธรรมชาติอยู่ดี เราก็จะอยู่ดีเหมือนกัน” เธออยากให้โลกใบนี้มีอยู่จริง