posttoday

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

19 กรกฎาคม 2558

น่าแปลกที่การเดินทางสามารถเติมพลังให้กับชีวิตได้ ลักขณา จริตกูล หรือที่รู้จักดีในนามแอดมินดาว จากเพจดัง

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

น่าแปลกที่การเดินทางสามารถเติมพลังให้กับชีวิตได้ ลักขณา จริตกูล หรือที่รู้จักดีในนามแอดมินดาว จากเพจดัง “ไม่ใช่กรูรูแต่กรูรู้ของถูกในโตเกียว” เล่าว่า ทั้งๆ ที่ต้องเหนื่อยออกเดินทางสู่ที่ที่ไม่คุ้นเคย ต้องพบเจอสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดา ต้องทำความรู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา แต่แปลกที่สิ่งเหล่านี้กลับสร้างสีสันและพลังให้อย่างเหลือเชื่อ

ไม่ว่าจะเดินทางมาแล้วสักกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้เริ่มคิดเริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป นั่นคงทำให้ตื่นเต้นได้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน จุดหมายคือเมืองนาโกย่า-เมืองทะกะยามะ-เมืองมรดกโลกชิระกะวะโกะ และเมืองกุโจะฮะจิมัง ประเทศญี่ปุ่น การเดินทางครั้งนี้กำหนดเส้นทางเอง วางแผนเอง เดินทางเอง ทุกอย่างขอทำด้วยตัวเอง รวมทั้งขอหลงทางเอง อุ๊ปส์!

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

ทำไมต้อง 4 เมืองนี้ ดาวเล่าว่า นาโกย่าคือเมืองที่ต้องไป เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมสามารถอยู่รวมกันได้อย่างกลมกลืน มีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์ ส่วนทะกะยามะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าน่าหลงใหล อาคารบ้านเรือนโบราณทรงคุณค่า จึงต้องขอมาให้เห็นสักครั้งก่อนตาย และที่สำคัญเมืองมรดกโลก หมู่บ้านชิระกะวะโกะ ส่วนจุดหมายปลายทางสุดท้าย กุโจะฮะจิมัง หนึ่งในต้นแบบชีวิตสโลว์ไลฟ์แห่งเกาะญี่ปุ่น

ดาวกับเพื่อนรวม 3 คน เริ่มออกเดินทางจากโตเกียวไปยังนาโกย่าด้วยรถไฟความเร็วสูงชินกังเซ็น 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากโตเกียวมานาโกย่าถ้านั่งรถบัสมาก็ราว 6 ชั่วโมง แต่นั่งชินกังเซ็นเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ในทันทีที่เท้าแตะนาโกย่า ก็รู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวา ไม่ผิดเลยเพราะที่นี่คือประตูสู่ภาคชูบุของญี่ปุ่น

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

นาโกย่าจัดเป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองสำคัญเพราะเป็นศูนย์รวมแหล่งผลิตสินค้าเกษตร ปศุสัตว์และประมง ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองอุตสาหกรรม เป็นฐานการผลิตรถยนต์ ยานอวกาศ เครื่องจักรและเซรามิก สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ ทั้งด้านวัฒนธรรมประเพณี ประวัติศาสตร์ หรือถ้าชอบการท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรม ที่นี่มีทัวร์โรงงาน เยี่ยมชมขั้นตอนผลิตสินค้าต่างๆ  ได้ทั้งความรู้ ความสนุก

ไม่ห่างจากสถานีนาโกย่า คือพิพิธภัณฑ์โตโยต้า หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ได้เรียนรู้วิวัฒนาการการผลิตรถยนต์โตโยต้า ส่วนสาวๆ ที่ชอบช็อปปิ้ง ที่นี่มีย่านช็อปปิ้งมากมาย พลาดไม่ได้คืออาหารนาโกย่าเลิศรส ขอแนะนำเทบะซากิ (ปีกไก่ทอด) มิโซะคัตสึ (หมูทอดซอสมิโซะ) และฮิตสึมะบุชิ (ข้าวหน้าปลาไหล)

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

จุดหมายต่อไป ทะกะยามะ เมืองเก่าเล็กๆ ที่มีเสน่ห์อย่างประหลาด เป็นสถานที่ที่ทำให้เรารู้สึกว่าย้อนเวลาได้ โดยเฉพาะย่านเมืองเก่า (Takayama Old Town) ที่ดูเหมือนทุกอย่างถูกหยุดเวลาเอาไว้เมื่อในอดีต เมื่อเดินเข้ามาจะสัมผัสได้ทันทีถึงกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันยาวนาน

สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่เล่าเรื่องด้วยตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนบ้านญี่ปุ่นโบราณ ร้านค้าที่ขายของในท้องถิ่น บ้านคหบดีที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้คนเข้าไปชม ประตูไม้แบบโบราณที่ยากจักหาช่างไม้ในปัจจุบันทำเลียนแบบ หน้าต่างไม้ระแนงแบบเก่า วัดและศาลเจ้าที่งดงาม เห็นแล้วอิ่มเอมใจและรู้สึกขอบคุณบุคคลที่มีส่วนร่วมในการรักษาบ้านเรือน ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่มีค่า

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

เมืองเก่าช่างน่าใหลหลง ความเก่า ความขลังและความทรงคุณค่าของบ้านเรือน ทำให้สัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็น ที่นี่มีศาลเจ้าเล็กๆ ตั้งอยู่ตามรายทาง มีลำธารน้ำใสที่ไหลผ่านบ้านผู้คน และมีแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า คนสมัยก่อนเคารพธรรมชาติมากแค่ไหน ล่วงมาถึงปัจจุบันคงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก

ที่พักที่ทะกะยามะเป็นอีกที่หนึ่งที่ประทับใจ เป็นโรงแรมที่ปูด้วยเสื่อทะทะมิแม้กระทั่งทางเดิน เราไม่สามารถใส่รองเท้าเดินเข้าไปในโรงแรมได้ จะต้องถอดรองเท้าและเก็บเอาไว้ในล็อกเกอร์ตั้งแต่ชั้นหนึ่งบริเวณล็อบบี้ ต้องยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นไปเองอย่างระมัดระวัง ห้ามลากกระเป๋าเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสื่อทะทะมิที่ปูอยู่ทั่วบริเวณเสียหาย ข้อดีคือความสะอาดและอบอุ่นมากราวกับบ้าน

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

หมู่บ้านมรดกโลกชิระกะวะโกะ ถูกวางแผนไว้ในการเดินทางวันต่อไป ออกเดินทางตั้งแต่เช้า กว่าจะถึงใช้เวลาพอสมควร แต่เมื่อมาถึงก็ลืมความเหนื่อยล้าเพราะที่นี่สวยงามมาก แต่ละฤดูกาลชิระกะวะโกะก็จะสวยงามแตกต่างกันไป มาในคราวฤดูหนาวจึงได้เห็นหิมะตกขาวโพลนไปทั่วหมู่บ้าน แลไปเหมือนหมู่บ้านในเทพนิยาย โดยเป็นบ้านโบราณสไตล์กัสโช่ อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี

หลังคาของบ้านเป็นทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มองคล้ายรูปคนประนมมือ ทำจากฟางที่คนในหมู่บ้านช่วยกันนำฟางมาถักทอ มัดเข้าด้วยกันตามวิธีโบราณที่ทำกันมา มัดจนหนาเป็นเมตร ด้วยวิธีนี้บ้านจึงระบายอากาศได้ดีในฤดูร้อนและรับน้ำหนักหิมะได้ดีในฤดูหนาว นับเป็นภูมิปัญญาตกทอดที่ใช้ได้ดีถึงปัจจุบัน

ตัวบ้านทำจากไม้ ปกติบ้านทรงกัสโช่จะมี 3 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของทุกคนในครอบครัว เป็นทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำอาหาร ห้องนอน และห้องรับแขก ส่วนชั้นสองใช้เก็บอุปกรณ์ประกอบอาชีพ เครื่องมือทำเกษตร อุปกรณ์ทอผ้าหรือเครื่องมือล่าสัตว์ ส่วนชั้นสามใช้เป็นที่เลี้ยงหม่อนไหมเพื่อเอาไว้ทอผ้า

ตัวบ้านทุกชั้นสามารถเชื่อมต่อถึงกัน เพดานบริเวณกลางบ้านจะตีไม้ระแนงตาห่างๆ หรือไม่ก็ทำเป็นตาข่ายกั้นไว้เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาโบราณที่เมื่อจุดเตาทำอาหารหรือก่อฟืนที่ชั้นล่าง ควันไฟที่ลอยขึ้นด้านบนจะช่วยให้ทุกชั้นภายในบ้านแห้ง ไม่อับชื้น ควันยังช่วยไล่แมลงที่อยู่บนหลังคาซึ่งเป็นฟางได้อีกด้วย

ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เมืองมรดกโลก ชิระกะวะโกะ และ 3 เมืองเก่าแก่ในญี่ปุ่น

 

ความมหัศจรรย์ของหมู่บ้านแห่งนี้ คือ การคงสภาพความเป็นอยู่เอาไว้เหมือนเมื่อ 400 ปีก่อน ผู้คนที่นี่ยังอาศัยอยู่ในบ้านแบบกัสโช่ ที่ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่มีคนอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างและดำรงชีวิตตามปกติ

จุดหมายสุดท้าย คือกุโจะฮะจิมัง สถานที่ที่ประทับใจอย่างไม่มีเลือน เริ่มตั้งแต่ความเข้าใจผิดว่ารถไฮเวย์บัสจะจอดที่หมู่บ้าน แต่กลายเป็นว่าจุดจอดรถห่างไปถึง 3 กิโลเมตร นำมาซึ่งการเดินเท้าผ่านถนนที่มีแต่หิมะปกคลุม หนาวเหน็บขนาดที่จะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปยังไม่อยากทำ หากความหนาวทำอะไรเราไม่ได้ถ้าเราไม่ท้อถอย มันก็แค่อุปสรรคหนึ่งอย่างในวันนี้ที่เราต้องฝ่าฟันไปให้ได้

กุโจะฮะจิมังเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ในหุบเขา ที่นี่มีบ้านเรือนเก่าๆ ศาลเจ้า และพิพิธภัณฑ์ให้เดินเที่ยวเล่น วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนเรียบง่าย ธรรมชาติบริสุทธิ์ เป็นหนึ่งในสโลว์ไลฟ์ต้นแบบของญี่ปุ่นก็ว่าได้ ผู้คนไม่รีบเร่ง มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ บ้านเรือนส่วนใหญ่อยู่กันมาหลายชั่วอายุคน ที่นี่ยังถือเป็นแหล่งทำอาหารปลอมแหล่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นด้วย

ถ้านึกยังไม่ออก ให้ลองนึกภาพอาหารตัวอย่างที่วางโชว์อยู่ในตู้กระจกในร้านอาหารทั่วญี่ปุ่น  ส่วนใหญ่มาจากกุโจะฮะจิมังนี้เอง ส่วนร้านค้าอื่นๆ เป็นร้านเล็กๆ ที่ดัดแปลงจากบ้านอยู่อาศัย ที่นี่ไม่มีร้านสะดวกซื้อ แต่เป็นร้านที่มีชาวบ้านเป็นคนขายเอง อย่างร้านราเมนเล็กๆ ที่เจ้าของร้านเป็นคนทำราเมนเอง (ตะโกน) ต้อนรับเสียงดังฟังชัดเวลามีใครเดินเข้าไปในร้าน ใกล้ๆ มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างดี ตอนออกจากพิพิธภัณฑ์มีชาที่ทำจากงาและเห็ดให้ชิมด้วย รสชาแปลกหอมอร่อย คนขายยังใจดีแบ่งขนมให้กินกับชา ประทับใจทั้งขนม ชา และผู้คน

บ้านเรือนเก่าแก่บูรณะไว้เหมือนเดิมมากที่สุด บ้านหลังเล็กๆ มีลำธารใสๆ ไหลผ่าน ลักษณะเหมือนคลองระบายน้ำที่ไหลมาจากบนภูเขา น้ำใสมากและมีปลาคาร์ปอาศัยอยู่จำนวนมาก ยังมีเพิงเล็กๆ เป็นที่นั่งพักเหนือลำธารที่ว่านี้ และมีตะกร้าใส่อาหารปลาวางไว้ให้กับกล่องรับเงินค่าอาหารปลา สื่ออะไรได้หลายอย่างมากจริงๆ

ไม่ผิดหวังเลย สมกับที่ตั้งใจไว้ว่า นาโกย่า-ทะกะยามะ-ชิระกะวะโกะ-กุโจะฮะจิมัง อยากเห็นสักครั้งก่อนตาย วันสุดท้ายในกุโจะฮะจิมัง ยังไปเยี่ยมดูเนินเขาสูงสุด ซึ่งเป็นปราสาทเจ้าเมืองผู้เคยปกครองเมืองนี้มาก่อน เดินชมบ้านเรือน ชมวัด ศาลเจ้า ถ่ายรูปปราสาทที่มองเห็นอยู่ไกลๆ เพียงแค่นี้ก็สุขประทับใจ เป็นความรู้สึกดีๆ จากการเดินทาง 4 เมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น