สิบวันเหนือจรดใต้ ตะลุย ‘ตุรกี’ ดินแดนสองทวีป
นักเดินทางคงตั้งแง่กันว่าไปกับทัวร์น่ากลัวจะไม่ถึงแก่น แต่ที่แน่ๆ ไม่กลัวขลุกขลักแน่นอน
โดย...ปอย
นักเดินทางคงตั้งแง่กันว่าไปกับทัวร์น่ากลัวจะไม่ถึงแก่น แต่ที่แน่ๆ ไม่กลัวขลุกขลักแน่นอน โดยเฉพาะประเทศกว้างใหญ่บนคาบสมุทรอานาโตเลีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศตุรกี ดินแดนที่มีการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน หนึ่งประเทศสองทวีปเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป เอ็กซ์คลูซีฟทริปครั้งนี้ SCB FIRST (เอสซีบี เฟิร์ส) พาลูกทัวร์เที่ยวทั่วตุรกีใช้เวลาถึง 10 วัน 8 คืน เป็นจุดหมายปลายทางในฝันที่อยู่ในลิสต์ครั้งหนึ่งในชีวิตของเหล่านักเดินทางจากทั่วโลก
สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์สพาบินตรงรวดเดียว 9 ชั่วโมงกว่า ก็ถึงสนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล เริ่มต้นทริปมุ่งสู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ก่อนแวะกลับมาเที่ยวเมืองหลวงเก่าก่อนกลับเมืองไทย
สายการบินเดิมพาเดินทางสู่เมืองอันทาเลีย เมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยภูมิประเทศเลยได้สมญาว่า The Gateway to the Turkish Riviera ชายทะเลรายล้อมด้วยหุบเขาวิวอลังการ แต่ก่อนคนมาเยือนจะได้เจอความประทับใจ ก็ต้องงงงันกับบรรยากาศเมืองที่ผสมผสานในความเก่ากับเมืองใหม่ อันทาเลียต้อนรับเราด้วยตึกพาณิชย์ มีข้าวของขายประหนึ่งทะเลพัทยาอย่างไรอย่างนั้น กระเป๋าก๊อบปี้แบรนด์เนมวางอย่างไม่แคร์ยุโรปมากมาย มีครบทุกๆ แบรนด์กันเลย ไกด์ท้องถิ่นผมสีทองพาเดินเลาะตึกใหม่ อ้อมเมืองโบราณไปเดินชิลเย็นใจในเมืองเก่า ซึ่งแอบซ่อนอยู่ด้านหลัง และความเก่าผสานใหม่นี้เองที่เป็นเสน่ห์ของเมืองท่องเที่ยวในตุรกี
อันทาเลีย-เดมเร-ปามุคคาเล่ เลียบทะเลสู่ภูเขา
เมืองตากอากาศริมทะเลอันทาเลีย เป็นจังหวัดแรกของการไปเยือนตุรกี แค่ภูมิประเทศก็ชนะเลิศแล้วกับภาพทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีฟ้าใสมีเทือกเขาโอลิมปัสยิ่งใหญ่เป็นฉากหลัง ยิ่งสภาพภูมิอากาศด้วยแล้วยิ่งได้เสียงกรี๊ดคนไทยไปเลย ชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ในเดือน พ.ค. ก่อนเข้าฤดูร้อน อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส เดินชมเมืองท่าชายทะเลขาสั่นๆ พั่บๆ กันไป
เมืองท่าเรือโบราณแห่งนี้เคยมีความสำคัญมาแต่ในอดีต จุดแรกไกด์พาชมซุ้มประตูเฮเดรียน สร้างในปี ค.ศ.130 ซุ้มประตูหินอ่อนถึงสามโค้งสร้างเพื่อเป็นเกียรติแด่องค์จักรพรรดิเฮเดรียน (Roman Emperor Hadrian) อีกจุดคือหอคอยแห่งสุเหร่าคอร์คุต ซึ่งเริ่มแรกนั้นสร้างเพื่อใช้เป็นวัดในจักรวรรดิโรมัน แต่ท้ายที่สุดได้เปลี่ยนเป็นสุเหร่าในยุคอิสลามครองเมือง การเดินเที่ยวเมืองเก่าไปตามตรอกถนนที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนและสวนสวยในสไตล์ออตโตมัน จึงได้ฟังเสียงละหมาดไปด้วย
ข้าวของช็อปปิ้งสไตล์ตุรกี ทั้งของตกแต่งบ้าน โคมไฟ จานเพนต์ลายละเอียดยิบ เครื่องเทศกลิ่นแปร่งจมูกวางขายรายเรียงสองข้างทาง และสัญลักษณ์บ่งบอกว่ามาถึงตุรกีแล้ว “อีวิลอายส์” เครื่องรางนำโชคและป้องกันภัย มีทั้งเป็นเครื่องประดับ ทั้งของแต่งบ้าน เรียกว่าแค่เดินเล่นช็อปปิ้งด้วยสายตาก็สนุกเพลินแล้ว
วันที่สองคอนเซ็ปต์ทริป SCB FIRST to Travel คือการพาไปท่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกันเต็มๆ จุดหมายคือเมืองเดมเร ล่องเรือชมเมืองเก่าในยุคไบแซนไทน์ที่ถูกทิ้งร้างจมอยู่ใต้ทะเลสีฟ้าเทอร์คอยส์ ซึ่งก็ดูไม่ค่อยออกก็ต้องจินตนาการกันไป ตรงนั้นเป็นสุสานของกษัตริย์จมอยู่ในนํ้า ตรงนี้มีโลง มีจานชามอะไรก็แล้วแต่ใครนึกออก แต่ก็ไม่น่าผิดหวังอะไรเลย เพราะการได้ล่องทะเลเรียบดูเป็นมิตรน้ำใสแจ๋วในอากาศเย็นๆ ที่เราคนไทยไม่ค่อยได้สัมผัส แค่นี้ก็สุดคุ้ม
ภูเขาๆๆๆๆ เรียงรายสองข้างทางจากอันทาเลีย-เดมเร-สู่เมืองมรดกโลกที่สวยงามประหนึ่งเทพนิยาย ปามุคคาเล่ เก็บภาพด้วยกล้องไอโฟนฝีมือคนถ่ายง่อยๆ จากรถโค้ชที่เดินทางกันยาว 4-5 ชั่วโมง ไม่มีง่วงตาแป๋วตลอดเส้นทาง วิวสองข้างทางอลังการที่สุด ภูเขาสูงใหญ่ประดับยอดหิมะสีขาว ปามุคคาเล่เป็นเมืองท่องเที่ยวในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” มีลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินไหลรินลงมาจากภูเขาคาลดากึ ไหลรินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทําปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้วลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติ จนได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ
จากภาคตะวันตกนั่งรถต่อยาวๆ ไปอีก 4 ชั่วโมงครึ่ง มุ่งสู่ที่ราบสูงอนาโตเลียตอนกลางของตุรกี เข้าสู่เมืองมรดกโลก “คัปปาโดเกีย” เมืองระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุส ภูมิประเทศภูเขาไฟระเบิดพ่นลาวาออกมาทับถมเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านการกัดกร่อนด้วยลม แดด ฝน จึงเกิดหินประหลาดรูปทรงต่างๆ ขนาดมหึมาในภูมิประเทศแปลกตาน่าพิศวงจนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “Fairy Chimney” หรือปล่องไฟนางฟ้า เมืองนี้เต็มไปด้วยถ้ำหินทรงกระโจม กรวยคว่ำ และเจดีย์เต็มไปหมด ถ้ำหินเหล่านี้มีคนอาศัยในลักษณะ “บ้านถ้ำ” นับพันปีจนถึงปัจจุบัน และคืนนี้ที่พักก็คือโรงแรมถ้ำ The Museum Hotel บูติกดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งได้รับรางวัล Best Boutique Hotel เป็นไฮไลต์ของทริปที่รู้สึกได้เป็นมนุษย์หินฟริ้นท์สโตนแสนเก๋ อากาศในห้องพักเย็น ม-า-ก 12-13 องศา แถมฝนพรำๆ ตลอดวัน นับเป็นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
นอนโรงแรมถ้ำ มองเห็นวิวภูเขาคัปปาโดเกีย ตื่นมารับประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่ควรพลาดหนึ่งในไฮไลต์ของทริป กับการขึ้น “Kaya Balloon” บอลลูนแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลจาก Government Safety Quality บอลลูนปลอดภัยที่สุด เพื่อให้ผู้ร่วมเดินทางได้สนุกสนานกับการชมทัศนียภาพยามเช้าของเมืองคัปปาโดเกียจากวิวสูงพาโนรามา เป็นการครีเอตการท่องเที่ยวที่ล้ำเลิศแค่คำว่าเมืองมรดกโลกยังไม่เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวตุรกี รัฐบาลเขาไม่สน แค่เก็บค่าตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เกอเรเม่ (Goreme Open Air Museum) สิ่งมหัศจรรย์ที่เห็นแล้วตื่นตะลึงตื่นใจ กับภาพถ้ำเขาหินที่ดูคล้ายจอมปลวกยักษ์มากมาย เกิดจากการกัดเซาะเถ้าถ่านลาวาจำนวนมากของภูเขาไฟเออซิเยส์และฮาซานที่มอดดับไปแล้ว
แต่การให้มาเดินๆ ร้อนๆ ชมพิพิธภัณฑ์ที่เล่าถึงชีวิตคนตายไปแล้วก็คงไม่ค่อยน่าจะอินอะไรมากมาย กับเรื่องของผู้คนก่อนยุคคริสตกาลที่ใช้ถ้ำหินรูปทรงแปลกประหลาดกว้างใหญ่นี้ หลบหนีการล่าสังหารของจักรวรรดิโรมัน
กิมมิกเหนือเมฆส่งบอลลูนลูกโตขึ้นสู่ท้องฟ้าชวนนักท่องเที่ยวชมทัศนียภาพของเมืองในประวัติศาสตร์คัปปาโดเกีย กับค่าตั๋วคนละ 200 เหรียญสหรัฐ แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่ตัดขอบฟ้าเหนือดงเขาละลานตาเถ้าลาวาน่าตื่นเต้นพอ ที่จะเรียกนักท่องเที่ยวทุกรุ่นทุกวัยทุกเชื้อชาติ ฝรั่งเจ้าถิ่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น และไทย ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับตุรกีไม่ต้องเก็บตังค์ค่าวีซ่านักท่องเที่ยว ก็เลยคึกคักจ้อกแจ้กจอแจนานาชาติ ตั้งแต่เวลาตี 4.40 น. เวลานัดหมายของการขึ้นบอลลูน
นัดหมายมอนิ่งคอลล์ ตี 4 ไม่มีใครโอดครวญ ทริปของแบงก์ SCB ที่พาลูกค้าระดับเฟิร์ส ที่แน่นอนว่ากว่าจะไต่ระดับมาถึงเลเวลนี้ได้ทุกท่านต้องราวๆ วัยเจ้าสัว เถ้าแก่เนี้ย แต่ทุกท่านก็มานั่งรอขึ้นบอลลูนแบบจัดเต็มเพชร 11 กะรัตแสงแว้บบบบบ รับตี 04.30 น. เป๊ะ! ตาใสแจ๋วแจ่ม ไม่อยากคิดเบยค่ะว่าถ้าไกด์พาไปดูพิพิธภัณฑ์รูปวาดพระเยซูที่ถ้ำในเวลานี้ ดวงตาจะมากันใสแจ่มแบบนี้หรือเปล่า?
ภาพบอลลูนขนนักท่องเที่ยวชมวิวนับร้อยๆ ลูก ได้ถูกเมมโมรี่ในความทรงจำทุกคน และทันทีที่แลนดิ้งทีมงานกัปตันบังคับบอลลูนได้ตระเตรียมแชมเปญปาร์ตี้รับอากาศยะเยือกๆ เช้าๆ ฉลองความสำเร็จของการพิชิตขอบฟ้าคัปปาโดเกีย จบสวยๆ มีฉากหลังน่าอัศจรรย์ที่ราบสูงอนาโตเลีย
จบทริปในความทรงจำ ณ มหานครอิสตันบูล
รูทเดินทางยาวไปๆ เหนือจรดใต้ ถ้าจัดทริปเองเส้นทางท่องเที่ยวยากที่สุดคือในบริเวณภาคกลาง ตั้งแต่เมืองปามุคคาเล่ คอนย่า คัปปาโดเกีย ถึงแม้ว่าจะเป็นดินแดนกึ่งกลางการท่องเที่ยวดินแดนอนาโตเลียเลยก็ว่าได้ แต่การขับรถท่องเที่ยวเองโดยใช้จีพีเอสก็ทำได้ (ไม่ลำบากนัก) แค่ในระดับหนึ่ง เพราะชนบทยังใช้ภาษาเติร์ก ซึ่งมีชนเผ่าพื้นเมืองเอเชียนับสิบๆ เผ่า ภาษาอังกฤษยังใช้แค่ในเมืองใหญ่ ป้ายภาษาต่างๆ ใช้ภาษาเติร์กตัวอักษรละติน การซื้อแพ็กเกจทัวร์จึงเป็นการลัดขั้นตอนการเดินทางได้สะดวกที่สุด แล้วสมาชิกไปกับทริปทัวร์ SCB FIRST ก็รับรองความสบาย “The best” ทั้งโรงแรม-ร้านอาหารสุดหรู ทั้งเก็บไฮไลต์ได้สุดคุ้มและครอบคลุมดินแดนอัศจรรย์สองทวีป
จากเมืองมรดกโลกติดทะเลดำ คืนต่อมาเรานอนที่อังการา เมืองหลวงแห่งดินแดนอนาโตเลีย และตุรกียังมีเมืองมรดกโลกอีกไม่รู้จักจบ ซาฟรานโบลู คือจุดหมายเมืองต่อไป ยูเนสโกยกให้สถาปัตยกรรมเมืองนี้มีอิทธิพลต่อการพัฒนาการชุมชนทั่วทั้งจักรวรรดิออตโตมัน นั่งรถยาวๆ ต่อไปอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง สองข้างทางชมวิวเทือกเขาลาดลงเมืองชายทะเล ภูมิอากาศฝนตกชุก สวนผลไม้เรียบรายสองข้างทาง ทั้งป่าสน ข้าวสาลี แมคคาเดเมีย เฮเซลนัท ถนนเส้นนี้คือยูโรเปี้ยนซูเปอร์ไฮเวย์ เชื่อมต่อจากซาอุดิอาระเบีย พาดผ่านจอร์แดน ซีเรีย เข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี เข้ามาเมืองหลวงอังการาสู่เมืองอิสตันบูล วิ่งเข้าบัลแกเรียไปยุโรปตะวันออกถึงยุโรปตะวันตก และถนนเส้นนี้สิ้นสุด ณ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
นั่งรถกันวันละ 5-6 ชั่วโมงอัพแบบนี้ แต่การันตีความปลอดภัยสุดๆ ด้วยกฎเหล็กที่ลูกทัวร์คนไทยเซ็งๆ ตื่นๆ หลับๆ ไปกับความเร็วบนไฮเวย์ 80 กม./ชม. แล้วคนขับก็ต้องพักจิบชาดำตุรกีหอมๆ เพิ่มความสดชื่นทุกๆ 1 ชั่วโมงครึ่งอีกด้วย คนนั่งก็ได้เข้าห้องน้ำกันไปช็อปปิ้งกันไป เพราะมีจุดดักคนไทยนักช็อปไว้แทบทุกจุดพักรถ แล้วความเจริญของรัฐบาลตุรกีคือการวิ่งรถในภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูง หุบเหว ก็มีการสร้างตอม่อยกถนนให้เป็นแนวเรียบเสมอกัน และมีทั้งลอดอุโมงค์ทะลุภูเขา เรียกว่าการขับรถเป็นการท่องเที่ยวที่ไร้กังวลแม้ประเทศกว้างใหญ่ขนาดไหนก็ตาม
จบทริปการเดินทางที่ “มหานครอิสตันบูล” เมืองหลวงเก่าที่ได้รับการยกย่องเป็นเมืองหลวงใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และนับได้ว่าเป็นเมืองแห่งความฝันในการมาเยือนของใครหลายๆ คน ช่องแคบบอสฟอรัส คือจุดหมายแรก เรานั่งชัตเติลโบตเพื่อมากินลันช์อาหารกลางวันหรูๆ ที่ป้อมปราการหอคอยไมเดน มาเที่ยวกับทัวร์คนไทยมักถูกสปอยล์ด้วยอาหารไทยที่ขนมาบริการ มีแม้กระทั่งคั่วกลิ้งแห้ง! ก็เลยปฏิเสธอาหารตุรกีเอาง่ายๆ แต่คนที่ชอบกินชีส กินผักสด จะรู้รสเลยว่าสลัดผักแกล้มมอสซาเรลล่าชีสนี่สุดยอดล้ำเลิศที่สุดแล้วเรื่องความสดที่หากินกันไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองไทย
อิ่มข้าวแล้วพาล่องเรือยอชต์ส่วนตัวสไตล์ SCB FIRST ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ช่องแคบบอสฟอรัส พรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย ถือเป็นหนึ่งในช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆ ของโลก
สองวันสุดท้ายคือการเก็บเที่ยวชมพระราชวังฝั่งยุโรป พระราชวังโดลมาบาเช่ วังหรูหราสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูงสุดทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน พระราชวังทอปกาปี และสุเหร่าเซนต์โซเฟีย ได้รับการขนานนามให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันยังใช้เป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บน้ำสําหรับใช้ในพระราชวังสำรองไว้ใช้ยามที่กรุงอิสตันบูลถูกข้าศึกปิดล้อมเมือง
คารวะสุเหร่าสีน้ำเงิน ศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่งดงามและมีความสำคัญแห่งหนึ่งของโลก จุดหมายสุดท้ายก่อนจะลาตุรกี สุเหร่าแห่งนี้ได้รับการตกแต่งด้วยงานกระเบื้องเคลือบอิสนิคลวดลายวิจิตรกว่า 2 หมื่นแผ่น ซึ่งนับเป็นงานฝีมืออันควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม เรียกว่าสองวันในอิสตันบูลเวลาอาจน้อยเกินไป
