posttoday

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

22 มีนาคม 2558

ใครๆ ก็มีความฝันกันทั้งนั้น ฝันอยากที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฝันอยากมีบ้านสักหลัง

โดย...อณุสรา ทองอุไร/ภคินัย ฟักฉ่ำ ภาพ ณัฏฐ์ สันติวิภานนท์

ใครๆ ก็มีความฝันกันทั้งนั้น ฝันอยากที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฝันอยากมีบ้านสักหลัง ฝันว่าอยากที่จะพาตัวเองท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลก มีภาพสวยๆ กลับมา เช่น ณัฏฐ์ สันติวิภานนท์ Head of Brand and Communications of AXA Insurance มักให้ของขวัญตัวเองด้วยการเดินทางเปิดโลกและชาร์จแบตให้ตัวเอง ทั้งหอบความทรงจำสุดประทับใจกลับบ้าน โดยล่าสุดเขามีทริปในฝัน ณ เมืองเคปทาวน์  ประเทศแอฟริกาใต้

ความพิเศษของทริปนี้คือไปเที่ยวแบบแบ็กแพ็ก แบกเป้ลุยเดี่ยว เขาชอบที่จะท่องเที่ยวเอง ผจญภัยและออกแบบการเดินทางด้วยตัวเองมีเสน่ห์ไปอีกแบบ แน่นอนว่าก่อนเดินทางนั้นความกังวลในความอันตรายเมื่อต้องลุยเดินทางเอง โดยไม่ได้แพลนการเดินทางไว้ก่อนก็เกิดขึ้น เมื่อพูดถึงแอฟริกาใต้หลายคนรวมทั้งตัวเองนึกถึงคนผิวดำ ตัวใหญ่ ดูดุดันน่ากลัว ไม่เป็นมิตร แล้วการที่ไปคนเดียวยิ่งหวั่นเกรงในเรื่องความปลอดภัย กลัวถูกหลอก กลัวสารพัด

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

ตลอดระยะเวลาที่ท่องเที่ยวด้วยการเช่ารถขับไปเองเรื่อยๆ โดยใช้ GPS นำทาง เปิดแผนที่เดินทางเอง ขับรถไปเรื่อยๆ บนถนนเส้นตรงทอดยาว มีความท้าทายและตื่นเต้น การไม่ต้องคาดหวังว่าจะเจออะไรข้างหน้า คือเสน่ห์ที่ทำให้เราสนุก มีเซอร์ไพรส์ที่รออยู่ข้างหน้าตลอดเวลา ให้เราได้ลุ้น ได้แก้ปัญหา มีช่วงหนึ่งหลงทางตอนแรกก็กลัวเพราะข้างทางเป็นทุ่งหมดเลย แต่ก็ได้คนท้องถิ่นต่างสีผิวที่ก่อนมาเราแอบกลัวเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ การได้รับความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า ในมิตรภาพขาจรที่เข้ามาในชีวิต ทำให้ซาบซึ้งและได้ข้อคิดว่าบางครั้งเราอย่าไปกลัวในสิ่งที่มาไม่ถึงหรือไปคาดหวังหรือมโนไปเอง เพราะในความเป็นจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

ผู้คนที่เคปทาวน์สะท้อนตัวตนของพวกเขาที่ไม่ต้องเร่งรีบ มีธรรมชาติที่สวยงามแวดล้อม และจิตใจดี ทำให้สอนให้ได้รู้ว่า “อย่าดูแค่เปลือก” อีกอย่างการได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ลองยืนเพียงคนเดียวมีเพื่อนเป็นธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ท่ามกลางทุ่งโล่งและขุนเขา ทำให้รู้ว่าเราเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของโลก ของจักรวาล ดังนั้นอย่าไปยึดติดกับตัวเอง อย่าเห็นว่าเรายิ่งใหญ่หรือเป็นคนสำคัญ

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

การได้สัมผัสกับผู้คนที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เจ้าของโรงแรม พนักงานในร้านอาหาร คนขายของตามท้องถนน ทำให้เราได้รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำกับเรามันไม่ได้เป็นแค่คนทำธุรกิจเท่านั้น แต่พวกเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาพยายามทำเหนือกว่าหน้าที่เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับเรา เช่น เราไปเจอคนที่ขายดอกไม้ตามสี่แยก ที่เราก็ไม่ได้ซื้อของของเขา แต่เราถามทางเขาก็ยินดีที่จะตอบด้วยความเต็มใจ เวลาไปกินอาหารในร้าน พนักงานก็จะตั้งใจแนะนำอาหาร บางคนถึงกับแนะนำว่าถ้าเป็นเขาจะสั่งเมนูไหนและไม่สั่งเมนูไหน หรือแม้แต่ตามแหล่งท่องเที่ยวเวลาคนที่นั่นจะมาเสนอขายของกับเรา แค่เราบอกปฏิเสธก็ไม่มีตื๊อเซ้าซี้ขายหรือทำหน้าอารมณ์เสียใส่เหมือนเมืองท่องเที่ยวหลายๆ ประเทศที่เคยเจอแต่อย่างใด กลับยิ้มให้เราก่อนไปด้วยซ้ำ

“ถือเป็นทริปในฝันอันแสนจะประทับใจที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผมเดินทางมาเลยละ  2 ปีที่แล้ว แอฟริกาเป็นประเทศแรกที่ได้เดินทางไปและยังเป็นประเทศที่ชอบมากที่สุด ชอบหมดทุกๆ อย่างที่แอฟริกา เป็นตอนนี้วางแผนจะไปอีกครั้ง เอาจริงๆ ตอนแรกที่คิดว่าจะไปก็กลัวๆ นะ เพราะได้อ่านรีวิวจากคนที่เขาเคยไปมา แต่พอไปถึงกับไม่ใช่เลยทุกอย่างน่ารักดีงามไปหมดวิวสวย ถนนดีขับรถง่ายปลอดภัย”

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

เมื่อเขาและคุณแม่ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เพื่อเดินทางสู่ทวีปแอฟริกา โดยเริ่มบินที่ประเทศไทยจอดพักที่สิงคโปร์แล้วเดินต่อไปยังแอฟริกา โดยเดินทางไปด้วยความไม่คาดหวังอะไร เขาเลือกที่จะไปเมืองเคปทาวน์ในช่วงโลว์ซีซั่น เพราะไม่ชอบไปแย่งกันกินแย่งกันใช้กับคนอื่น อีกอย่างคือไปในช่วงโลว์ซีซั่นซึ่งตรงกับเดือน ก.ค. ที่บ้านเราเป็นหน้าร้อน แต่ที่นั่นเป็นหน้าหนาว บรรยากาศมันเลยถูกจริตมาก คนทั่วไปเขาจะไปเคปทาวน์ตอนหน้าร้อน เพราะนิยมไปเที่ยวทะเลที่นั่นกัน แต่เขาไปแบบสวนทางกับชาวบ้าน

เคปทาวน์เป็นเมืองติดทะเลเป็นเมืองตากอากาศมีฝรั่งไปอยู่เยอะมาก ลองคิดตามกันไปภาพที่เห็นตรงหน้าคือบ้านหลังงามสีสันสดใสที่ปลูกอยู่เชิงภูเขา กวาดสายตามองไปข้างหน้าเป็นทะเลพร้อมความสดใสที่สวยงามธรรมชาติ นั่งกินอาหารสดๆ จากครัวของโลกในทะเล แล้วมากินลมชมบรรยากาศในเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ ตื่นมานั่งจิบกาแฟอมยิ้มให้ท้องสมุทร สายๆ หน่อยก็จับ 2 ล้อคู่ใจให้พาไปเชยชมกับความงามริมหาด เดินย่ำต๊อกบนพื้นทรายพร้อมกับเพื่อนสุดน่ารักอย่างเจ้านกเพนกวินที่อยู่ตามแนวชายหาด

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

“สิ่งที่ผมอบมากส่วนมาก ตลอดทริปนั่นแหละคือเดินทางขับรถไปตามจุดชมวิวต่างๆ แวะชิมอาหารร้านนั่นที ร้านนี้ที ดื่มด่ำกับบรรยากาศ แค่นั่นก็มีความสุขแล้ว อีกอย่างเมืองนี้มันเป็นเมืองที่มีกิจกรรมทางทะเลหลากหลาย เพราะด้านหน้าคือทะเลด้านหลังติดภูเขาที่เรียกกันว่าเทเบิ้ลเมาน์เท่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เลย

หากขึ้นไปสูงสุดของภูเขาจะได้เห็นความงามของอ่าววิกตอเรีย แอนด์ อัลเฟรด แบบจะมาเล่นเสิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นลูกใหญ่ก็เข้าท่าดี แต่ผมดันเป็นคนชอบเที่ยวกับธรรมชาติสีเขียวมากกว่า ผมอยู่ที่เคปทาวน์ 2 คืน จากนั้นก็เดินทางเพื่อไปเมืองอื่นๆ ต่อขับรถวนไปเมืองต่างๆ วนไปรอบๆ 6 วัน ซึ่งเรียกว่าขับรถรอบการ์เด้นรูท ขับรถแวะตามเมืองต่างๆ ได้รับชมความงามที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากธรรมชาติ ท้องร้องก็กินข้าวตามร้านอาหารที่ตั้งตลอดทาง ไม่เร่งรีบช้าๆ ชิลๆ สบายๆ” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

เขาบอกว่าจากเคปทาวน์มา 406 กิโลเมตร ก็จะมาพบกับเมืองกลางป่าอย่าง มัสเซิล เบย์ เป็นเมืองที่เราจะได้หลับพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ นอนเป็นเต็นท์แข็งแรงกลางป่าที่เขาจัดสัดส่วนเอาไว้ “มีสิงสาราสัตว์มากมาย เพราะมันจะเป็นเต็นท์ที่ตั้งอยู่ในซาฟารี แต่เป็นเต็นท์ที่ปลอดภัยนะ เป็นเต็นท์กึ่งปูนสร้างไว้ถาวร ล้อมรอบด้วยรั้ว ซึ่งมั่นใจได้เลยเรื่องความปลอดภัยตลอดคืน หากตื่นมาตอนไหนก็ได้ยินเสียงร้องของสัตว์ทุกครั้ง แล้วที่สุดยิ่งกว่าคือเมื่อตื่นนอนขึ้นมา เดินออกมาหน้าบ้าน จะพบกับรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมดและก็เหมือนกับเคปทาวน์แหละครับ ผมอยู่ที่นี้สองคืนจากนั้นก็ออกเดินทาง”

หลังจากนั้นเขาก็เดินทางต่อไปเมืองนิสน่า เมืองที่ผู้คนเหมือนให้ความสำคัญกับบรรยากาศ เพราะเมื่อมองดูแล้วเหมือนพวกเขาไม่ทำงาน นั่งกินลมชมวิวปล่อยเวลาผ่านไปใช้ชีวิตช้าๆ เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

“ตอนแรกที่มารู้สึกว่าคนเมืองนี้แปลกๆ นะ เพราะเขาตากอากาศในเมืองของเขาเอง (ฮา) เดินชมวิวไปสักพักถึงได้รู้ว่าความรู้สึกที่ว่าคนเมืองนี้ไม่ทำงาน จริงๆ แล้วเขาเปิดร้านอาหารกัน แต่อย่างว่าอากาศดีบรรยากาศงามๆ ใครจะห้ามใจไม่ให้ตากอากาศในบ้านตัวเองได้ล่ะ อยู่ที่นี้ได้สองคืนเช่นกันจากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองแห่งไวน์ ชื่อ มองตะกู ทำไมถึงเป็นเมืองแห่งไวน์ ก็เพราะคนที่นี้ส่วนใหญ่จะทำเกษตรกรรมปลูกองุ่นทำไร่ไวน์ เราจึงจะได้เห็นภาพไร่องุ่นมีโรงบ่มไวน์ ตลอดที่พักอยู่ที่นี่ไวน์ถูกมาก”

หลังจากดื่มด่ำกับไร่ไวน์อยู่สองคืนจากนั้นก็เดินทางกลับ โดยกลับเส้นทางที่เป็นทางหลักจากโจฮันเนสเบิร์ก ยิงยาวถึงเคปทาวน์เลย เรียกว่าเส้นรูท 60 แต่ความพิเศษยังคงไม่หมด เมื่อข้างทางยังคงมีนกกระจอกเทศให้เห็น อยู่ดีๆ ก็เห็นสายรุ้งกลางทุ่งดอกไม้ อยากจอดแวะชมวิวเก็บภาพสัก 2-3 ภาพ ก็ทำได้เพราะที่นี่รถมีน้อย ถนนขับง่ายและที่สำคัญประชากรทุกคนในความสำคัญกับกฏจราจรดีมาก

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

“ผมชิลมากๆ เดินทางโดยที่ไม่วางแผนอะไรมาก ศึกษาประเทศที่จะไป การเดินทางแค่นั้นพอ มีแผนคร่าวๆ แค่ว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน แค่นั้นพอแล้ว ส่วนเรื่องระหว่างนั้นอย่าไปวางแผนเยอะ ปล่อยอิสระ ไม่ฟิกซ์สถานที่ว่าไปเมืองนี้ต้องไปที่นี่ เมืองนี้ต้องไป เราก็ทำแค่เดินไปตามทางที่มี ตรงนี้สวยก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่าย ชีวิตที่มันตรงตามแผนไปซะทุกอย่างแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร ลองใช้ชีวิตแบบไม่มีกรอบดูบ้างแล้วคุณจะรู้สึกเบาสบาย แต่อัดแน่นไปด้วยความสุขและหอบความประทับใจกลับบ้านเต็มกระเป๋า”

แอฟริกาทวีปที่ผู้คนส่วนมากรู้จักกันในอีกด้าน วันนี้มันเปลี่ยนไป ทัศนคติต่างๆ ที่เคยมีถูกลบไปหมดก็อย่างว่านั่นแหละ ทุกอย่างอยู่ที่คนจะมองมันมีสองด้านเสมอ แต่เขาไปเจอด้านที่ดีๆ มาจึงประทับใจมีความสุขจนล้นกับทริปนี้ เขากับคุณแม่ไม่เน้นช็อปปิ้ง เน้นชมธรรมชาติกับหาของอร่อยกิน โดยเฉพาะอาหารทะเลที่นี่สดใหม่ราคาไม่แพง

ความรู้สึกดีๆ ที่ เคปทาวน์

 

“ผมประทับใจมากๆ ผู้คนนิสัยน่ารักจริงๆ อย่างมีครั้งหนึ่งผมเข้าไปรับประทานข้าวที่ร้านร้านหนึ่ง ผมได้รับบริการที่ดีมากๆ เขาถามไถ่ว่ามาจากไหนแนะนำร้านอื่นให้ไปลองชิม การพูดคุยถึงว่าเคยไปกินร้านนี้หรือยัง คนไปกินเยอะนะลองไปสิ มันทำให้ผมแปลกใจ เพราะแบบนั่นผมจึงตัดสินใจที่จะเดินไปที่เคปทาวน์อีกครั้ง การไปที่นี้เหมือนผมได้รีสตาร์ทตัวเอง ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าจากงาน เครียดจากเรื่องอะไรก็ตาม พอมาที่นี่แล้วมันหายเป็นปลิดทิ้งเลยชอบมาก” เขาเล่าอย่างมีความสุข

เขาสรุปว่า การเดินทางยังทำให้ใครหลายๆ คนไม่ต้องซ้ำซากจำเจอยู่กับที่เดิมๆ เรื่องเดิมๆ ได้ลองเห็นชีวิตที่แตกต่าง ได้มีความทรงจำชิ้นใหม่ๆ เข้ามาในกล่องความสุขของเรา หลงใหลการท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ ตั้งเป้าว่าจะต้องเที่ยวให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ชอบสถานที่แปลกๆ และมีวิธีในการเดินทางที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ทริปนี้เขาเดินทาง 10 วัน ใช้เงินเพียง 5 หมื่นบาท

การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองควรทำประกันการเดินทางเพราะจะครอบคลุมอุบัติเหตุ ของหาย เจ็บป่วย บาดเจ็บ เครื่องบินดีเลย์ จลาจลโดยครั้งละประมาณ 500 บาท หรือถ้าเดินทางบ่อยจะซื้อแบบเหมารายปีตกปีละแค่พันกว่าบาทเท่านั้น

การบินไทยบินตรงไปโจฮันเนสเบิร์กแต่ตารางบินไม่ได้มีทุกวัน (ราคาตั๋วจะแพงกว่าสายการบินอื่นที่ต้องต่อเครื่อง)ลองเช็กตามเว็บไซต์นี้ http://www.saveflights.com/country/southafrica.html ซึ่งไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จะได้ราคาที่ถูกกว่าการบินไทยนิดหน่อย แต่หากไปกับสายการบินของกลุ่มประเทศอาหรับ ก็จะถูกลงไปอีกแต่ไม่กี่พันบาทไปแอฟริกาใต้ไม่ต้องใช้วีซ่า แล้วเวลาที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ต้องกลัว แค่แจ้งความจำนงว่ามาเพื่อท่องเที่ยว แสดงตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เงินสดพอประมาณ(แลกเป็นเหรียญสหรัฐไว้ 1,000 เหรียญ)มีบัตรเครดิตได้ยิ่งดี