posttoday

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

19 พฤศจิกายน 2559

กาญจนบุรีเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วย สัตว์ป่า ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ จนกระทั่งหลังเหตุการณ์สงครามมหาเอเชียบูรพาระหว่างปี 2484-2488

โดย...กาญจน์ อายุ

กาญจนบุรีเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วย สัตว์ป่า ป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ จนกระทั่งหลังเหตุการณ์สงครามมหาเอเชียบูรพาระหว่างปี 2484-2488 สัตว์ป่าได้ถูกล่าจนเกือบหมดสิ้น ซึ่งการล่าสัตว์ในครานั้นไม่ได้ล่าเพื่อกีฬา แต่เป็นการล่าแบบล้างผลาญ อย่างนั่งรถจี๊ปส่องไฟสปอตไลต์ฉายกราดแล้วยิงไม่เลือกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด แม้แต่ ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ซึ่งเป็นสัตว์สวยงามประดับป่าก็ถูกยิงจนแทบไม่เหลือ กระต่ายป่า ที่เคยมีตามท้องทุ่งก็ถูกยิงจนแทบสูญสิ้น และนกยูงอันเป็นต้นเสียงของเพลงเขมรไทรโยคก็ถูกยิงจนแทบไม่มีเหลือ

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

หนึ่งในความอุดมสมบูรณ์ของเมืองกาญจน์ คือ ผืนป่าสลักพระ อุดมไปด้วยโขลงช้างป่า เสือ วัวแดง กระทิง และพืชหลากหลายพันธุ์ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีคนออกมาปกป้อง จนกระทั่งกรมป่าไม้ได้ประกาศให้ผืนป่าสลักพระ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย ในปี 2508 โดยมีเหตุผลท้ายพระราชกฤษฎีกาว่า

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

“ป่าสลักพระมีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมที่จะกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย เพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่ายิ่งของประเทศชนิดหนึ่ง ที่อำนวยประโยชน์ในการเศรษฐกิจ วิทยาการ และรักษาความงามตลอดจนคุณค่าตามธรรมชาติไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชน”

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ มีเนื้อที่ประมาณ 860 ตร.ม.หรือประมาณ 5.3 แสนไร่ ครอบคลุม 4 อำเภอใน จ.กาญจนบุรี โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนยากแก่การลาดตระเวน ลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณทุ่งสลักพระและทุ่งนามอญที่เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของสัตว์ป่า

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

 

ทุ่งสลักพระเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ในเชิงเขาล้อมรอบ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าและต้นไม้ที่ออกผล เป็นอาหารของสัตว์ป่าอยู่มากมาย เช่น มะขามป้อมไทย มะกอก สมอ และยังมีโป่งดินเค็มจำนวนมากกว่า 100 แห่ง  ซึ่งเป็นแหล่งแร่ธาตุของสัตว์ป่า มีพื้นที่ประมาณ 2-2.3 หมื่นไร่ และยังมีทางติดต่อกับทุ่งหญ้ากว้างอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นไร่ เรียกว่า ทุ่งนามอญ ซึ่งสัตว์ป่าสามารถหนีภัยข้ามไปมาได้ระหว่างสองทุ่ง นอกจากนี้ยังมีลำห้วยสำคัญไหลผ่านและมีน้ำตลอดปี คือ ห้วยสะด่อง หรือห้วยสลักพระ ซึ่งสัตว์ป่าได้อาศัยกิน รวมถึงเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เข้าไปลาดตระเวนต้องอาศัยแหล่งน้ำในการดำรงชีวิต

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

 

อรัญ สงพรมทิพย์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่อง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กล่าวว่า ปัจจุบันได้แบ่งเขตพื้นที่ดูแลผืนป่าเป็น 12 หน่วย โดยหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่องเป็นหน่วยแรกที่ติดกับชุมชนและถนนใหญ่ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ป่า ภายในป่าสลักพระมียอดเขาที่สูงที่สุด ชื่อ เขาหัวโลน สูงประมาณ 1,100 ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ในตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย ทั้งห้วยสะด่องห้วยแม่ละมุ่น ห้วยแม่ปลาสร้อย และห้วยยากากี่ ยอดเขาที่สูงรองลงมา ชื่อ เขาสูง ในพื้นที่ตอนเหนือของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระเป็นแหล่งต้นน้ำของห้วยอีซู ห้วยน้ำขาว ห้วยกระพร้อย และห้วยแม่ละมุ่น ห้วยและลำธารหลายสายเหล่านี้จะไหลรวมลงสู่แม่น้ำแควใหญ่ สาขาแม่น้ำแม่กลอง เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีการบริหารจัดการแบ่งเขตการจัดการพื้นที่เป็น 4 ส่วน ได้แก่ เขตหวงห้าม เป็นบริเวณที่มีสังคมพืชและป่าไม้สมบูรณ์ควรค่าแก่การรักษาไว้เพื่อเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าและแหล่งต้นน้ำลำธาร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภูเขาทุ่งนามอญและทุ่งสลักพระ สอง เขตสงวนสภาพธรรมชาติ เป็นบริเวณที่จะต้องคุ้มครองรักษาสภาพสังคมพืชและสัตว์ป่าให้มีสภาพดั้งเดิม สาม พื้นที่ฟื้นฟูธรรมชาติ เป็นบริเวณที่มีสภาพธรรมชาติถูกทำลายจนเสื่อมโทรมจำเป็นต้องฟื้นฟูให้กลับสภาพเดิม ด้วยการปลูกป่าทดแทนและปล่อยให้ฟื้นตัวคืนสู่สภาพธรรมชาติ และ สี่ เขตบริการศึกษาธรรมชาติและการสื่อสารธรรมชาติ เป็นเขตที่กำหนดขึ้นจากบริเวณพื้นที่สภาพธรรมชาติที่มีจุดเด่นสวยงามและคุณค่าในการศึกษาเรียนรู้ของประชาชน

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

แต่แม้ว่าจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ที่นี่ก็ยังไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว ทำให้ต้องทำจดหมายขออนุญาตถึง ไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จึงจะเข้าไปศึกษาธรรมชาติได้ หัวหน้าฯ ยังเผยด้วยว่า ในปีหน้า (2560) จะมีการจัดสรรพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างเป็นจริงเป็นจัง เพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้สู่คนไทยอย่างรวดเร็วและตรงประเด็น ทำให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสผืนป่าแห่งนี้ง่ายขึ้น

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

ส่วนของหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่องที่พี่อรัญดูแลนั้น ตั้งอยู่บริเวณปากลำห้วยสะด่องก่อนจะไหลลงสู่เขื่อนท่าทุ่งนา มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 1 ทาง เป็นเส้นทางเดินขึ้นเขาเพื่อสังเกตสภาพป่าที่เปลี่ยนไปตามความสูงของพื้นที่ จากป่าเต็งรังที่มีต้นไผ่ขึ้นหนาแน่นเป็นป่าเบญจพรรณที่มีต้นเต็งและต้นรังขึ้นปกคลุม รวมถึงฐานสังเกตธรรมชาติรอบตัวด้วยการให้ตามหาใบไม้ตามโจทย์ ฐานดูรอยตีนสัตว์ริมโป่งธรรมชาติ และกิจกรรมผูกเปลคอนโด กิจกรรมหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ ทำอาหารโดยใช้อุปกรณ์เดินป่า ซึ่งเป็นทักษะจริงที่ผู้พิทักษ์ป่าต้องมี

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอื่นที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่ละมุ่น เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าทางด้านบนของพื้นที่ สามารถมองเห็นลำห้วยแม่ละมุ่นที่มาบรรจบกับห้วยแม่ปลาสร้อยก่อนไหลลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ โดยด้านหลังของสำนักงานมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และหน่วยพิทักษ์ป่าหนองรี เป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่บนสุดทางทิศตะวันออกตั้งอยู่ริมห้วยอีซู มีสถานที่สวยงามเหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการ และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติลำอีซูตั้งอยู่ในพื้นที่ด้วย

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

พื้นที่ทั้ง 5 แสนไร่ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ผู้พิทักษ์ป่าได้ออกลาดตระเวนทั่วหมดทุกตารางนิ้ว เพื่อเฝ้าระวังปัญหาตัดไม้ หาของป่า ล่าสัตว์ และลักลอบเก็บหินแผ่น สำหรับคนทั่วไปจะได้เห็นสลักพระเพียงเศษเสี้ยวเดียว คือเฉพาะในเส้นทางศึกษาธรรมชาติเท่านั้น คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปยังทุ่งสลักพระ ทุ่งนามอญ หรือไปพิชิตยอดเขาหัวโลนได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยเพราะการเดินป่าสลักพระต้องใช้ความอดทนสูง อย่างในหน้าฝนอาจเกิดน้ำป่าไหลหลาก หรือในหน้าแล้งอาจไม่มีน้ำสำหรับดำรงชีวิต และสามารถเจออันตรายจากสัตว์ป่าได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะช้างป่าที่มีมากจนเจ้าหน้าที่ยังขยาด

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

เวลานี้ ผืนป่าสลักพระกลับมาอุดมไปด้วยสัตว์ป่าและสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ กลายเป็นผืนป่าตะวันตกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และอย่างที่ท้ายพระราชกฤษฎีการะบุไว้ ทรัพยากรธรรมชาติมีคุณค่ายิ่งที่จะอำนวยประโยชน์ในการเศรษฐกิจ วิทยาการ และรักษาความงามตลอดจนคุณค่าตามธรรมชาติไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชน

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

ผืนป่าตะวันตกทั้งหมดมีพื้นที่ประมาณ 11.7 ล้านไร่ ครอบคลุมอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั้งหมด 17 แห่ง อยู่ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร และตาก อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ และครอบคลุมลุ่มน้ำสำคัญทั้งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแควที่หล่อเลี้ยงสรรพชีวิต

ตามรอยผู้พิทักษ์ ‘ผืนป่าตะวันตก’

 

ข่าวล่าสุด

6 ข่าวปลอมประจำสัปดาห์ สุขภาพนำอันดับ 1 ตามด้วยเรื่องกัมพูชา และหนี้นอกระบบ