posttoday

ครั้งหนึ่ง...ที่เมืองน่านที่รัก

05 มิถุนายน 2559

น่าน ตำนานแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิตและวัฒนธรรมที่โดดเด่นและนิสัยใจคอของคนท้องถิ่นนั้นแสนงดงาม

โดย...สืบสิน ภาพ : คลังภาพโพสต์ทูเดย์

น่าน ตำนานแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิตและวัฒนธรรมที่โดดเด่นและนิสัยใจคอของคนท้องถิ่นนั้นแสนงดงาม เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราอยากจะไปเยือนเมืองน่านกันสักครั้งแล้วล่ะครับ

หลายคนบอกว่าถ้าอยากใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ก็ให้แวะไปที่น่าน แม้ว่ารอบข้างจะเดินทางไปไกล แต่น่านยังคงเป็นจังหวัดที่สงบนิ่งตามวิถีดั้งเดิม มาถึงน่านทั้งทีขอแนะนำว่าให้เดินหรือไม่ก็ปั่นจักรยาน หรือไม่ก็โบกรถประจำทาง เท่านี้ก็สุขล้นกันแล้วล่ะครับ

คราวนั้นเราไปน่าน ด้วยความหวังว่าอยากจะเบรกชีวิตอันแสนวุ่นวาย บางคราหนักหน่วง บางครั้งไร้ทางออก ให้กลับมาอยู่กับตัวเอง และปล่อยชีวิตไปแบบไม่เร่งรีบและที่นี่ก็ทำให้เราสมปรารถนาครับ

ครั้งหนึ่ง...ที่เมืองน่านที่รัก

 

เมื่อถึงน่านเราออกเดินเที่ยว เข้าเมืองกินอาหารเช้าแบบไม่เร่งรีบ แล้วเดินชมวัดภูมินทร์วัดเก่าแก่ที่ถือว่าเป็นวัดคู่ขวัญของเมืองน่านเรียกว่าใครมาน่านก็ต้องมาแวะที่วัดนี้

วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ที่บ้านภูมินทร์อ.เมืองน่าน จ.น่าน ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์”เป็นวัดที่แปลกกว่าวัดอื่น ๆ คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทั้ง4 ทิศแกะสลักลวดลาย โดยช่างฝีมือล้านนาสวยงามมากทีเดียวครับ

นอกจากนี้ ฝาผนังยังแสดงให้เห็นถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองเมืองน่านสร้างขึ้นหลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปีมีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่า เดิมชื่อ“วัดพรหมมินทร์” ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ผู้สร้างวัด แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็นวัดภูมินทร์ ดังกล่าว

ครั้งหนึ่ง...ที่เมืองน่านที่รัก

 

สิ่งที่น่าสนใจของวัดภูมินทร์ มีหลายอย่างอาทิ พระอุโบสถจตุรมุข ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทยภายในมีพระประธานจตุรพักตร์นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัวนาค พระอุโบสถจตุรมุขนี้กรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่า เป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย พระอุโบสถตรงใจกลางประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์หันพระพักตร์ออกด้านประตูทั้ง 4 ทิศ หันเบื้องพระปฤษฏางค์ชนกันประทับนั่งบนฐานชุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ผู้ที่ไปชมความงามของพระอุโบสถนี้ไม่ว่าจะเดินขึ้นบันไดทิศไหนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน งดงามมาก

จุดเด่นอีกประการของวัดแห่งนี้ที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเมื่อคราวที่วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่สมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ. 2410(ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมนานถึง 7 ปีซ่งึ จิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงก็เขียนข้นึ ในช่วงนั้น

ภาพจิตรกรรมฝาผนังจะปรากฏอยู่บนผนังด้านในอุโบสถจตุรมุขทั้ง 4 ด้าน โดยภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่แสดงถึงเรื่องราวและวิถีชีวิตตำนานพื้นบ้าน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพระเตมีราชชาดก และส่วนที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต เช่น การแต่งกายด้วยผ้าซิ่นลายน้ำไหล การทอผ้าด้วยกี่ทอมือและการทำการค้ากับชาวต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งภาพจิตรกรรมฝาผนังที่โดดเด่นเป็นพิเศษในวัดภูมินทร์แห่งนี้ก็คือ ภาพ “เสียงกระซิบบันลือโลก” หรือภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณในลักษณะกระซิบสนทนากัน น่ารักน่าชังทีเดียวครับ

ครั้งหนึ่ง...ที่เมืองน่านที่รัก

 

จากวัดภูมินทร์เราเดินข้ามฝั่งแม่น้ำน่านเพื่อมาสักการะพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ ซึ่งเชื่อกันว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปกราบนมัสการพระธาตุแช่แห้งสักครั้ง เพื่อเป็นการเสริมบุญบารมีให้เกิดความเป็นสิริมงคลในชีวิต

ตามพงศาวดารเมืองน่าน เล่าว่าพระมหาธาตุเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1896ในสมัยพญาการเมืองเจ้าผู้ครองเมืองวรนคาร(อ.ปัว ในปัจจุบัน) ได้เสด็จไปร่วมพระราชกุศลกับพระมหาธรรมราชาลิไท ในการสร้างวัดหลวงอภัยขึ้นที่เมืองสุโขทัย เมื่อทรงสร้างเสร็จ พระเจ้ากรุงสุโขทัยได้ถวายพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ลักษณะเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีวรรณสุกใสดั่งแก้ว 2 พระองค์ มีวรรณดั่งมุก 3 พระองค์และมีลักษณะเท่าเมล็ดงาวรรณดั่งทองคำ2 พระองค์ พระพิมพ์เงิน พิมพ์คำ (ทองคำ)อีกอย่างละ 20 องค์ ให้แก่พญาการเมืองพญาท้าวมีความปีติเป็นอย่างมาก จึงได้อัญเชิญพระมหาชินธาตุเจ้า พระพิมพ์เงิน พิมพ์คำมายังดอยภูเพียงแช่แห้งประจุลงในเต้าปูนทองสำริด แล้วพอกด้วยสะตาย (ปูนขาวผสมยางไม้)กลเหมือนก้อนศิลา ขุดหลุมลึก 1 วาแล้วอาราธนาพระมหาชินธาตุเจ้าประดิษฐานในหลุมนั้น ก่อเจดีย์สูง 1 วา ทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

ต่อมาหลังจากพญาการเมืองเสวยราชสมบัติที่เมืองวรนครได้อีก 6 ปี จึงได้ย้ายเมืองจากวรนครมาสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และได้ปกครองอยู่ตราบสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พญาผากองโอรสของพญาการเมืองทรงขึ้นครองราชย์แทนและได้ย้ายเมืองจากดอยภูเพียงแช่แห้ง ข้ามฝั่งแม่น้ำมาตั้งเมืองใหม่ขึ้นจวบจนถึงปัจจุบันนี้

ครั้งหนึ่ง...ที่เมืองน่านที่รัก

 

อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล สมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระอรหันต์เจ้าทั้งหลายได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุข้อพระหัตถ์ซ้ายและเศษสรีรังคารธาตุมาประดิษฐานไว้บนดอยภูเพียงเพื่อให้มนุษย์และเทวดาได้สักการบูชาตราบเท่า5,000 พระวัสสา

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษของที่นี่ก็คือพระธาตุแช่แห้ง องค์พระธาตุส่องประกายสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง 2 เส้น ทรงระฆัง สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์พระธาตุหริภุญชัย ส่วนตรงหน้าบันวิหารช่างปั้นปูนเป็นหางของพญานาคเกี่ยวกระหวัดกันขึ้นไป 3 ชั้น อย่างงดงามลงตัวเป็นสัญลักษณ์แทนองค์ 3 ในพระพุทธศาสนาเช่น กฎไตรลักษณ์ คือ เกิด ตั้งอยู่และดับไปหรือศีล สมาธิ ปัญญา หรือพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ ที่สุดขององค์ 3 ก็คือคำสอนที่ว่าละเว้นความชั่ว ทำความดีทุกเมื่อ ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปกรรมที่หาได้ยากในปัจจุบัน

ในวัดพระธาตุแช่แห้งนอกจากจะมีพระธาตุแช่แห้งที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามให้สักการะแล้วภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น บันไดนาค ปั้นเป็นพญานาค 2 ตัวคู่กัน ทอดตัวยาวขนาบข้างไปตามทางขึ้นสู่องค์พระธาตุ เหตุที่เป็นนาคก็เพราะว่าตามคติความเชื่อของคนล้านนา พญานาคจะปกปักรักษาพระพุทธศาสนาถึง 5,000พระวสั สา และเปน็ เสมอื นสะพานเชอื่ มโยงให้เวไนยสัตว์ทั้งหลายสามารถข้ามทะเลแห่งสังสารวัฏไปยังฟากฝั่งมหาเนรพานได้

พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ขององค์พระธาตุ เป็นวิหารขนาดใหญ่ 6 ห้อง ภายในพระวหิ ารหลวงยงั มพี ระพทุ ธรปู ประดษิ ฐานอยู่หลายองค์ มีพระอุ่นเมืองปางสมาธิเป็นศิลปะสกุลช่างน่านที่งดงาม มีพระเจ้าล้านทอง ปางมารศรีวิชัยศิลปะล้านนา ประทับนั่งบนฐานชุกชีสร้างด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทอง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2065 เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาช้านานที่สวยงามอีกองค์หนึ่งของ จ.น่าน และยังมีพระพุทธรูปประทับยืนประดิษฐานในวิหารหลวงจำนวน 2 องค์ ปัจจุบันองค์จริงมอบให้พิพิธภัณฑ์ จ.น่าน อีกองค์ถูกโจรกรรมและยังไม่ได้กลับคืน องค์ปัจจุบันจำลองจากองค์จริงทำพิธีหล่อเททองเมื่อปี พ.ศ. 2550

ส่วนด้านนอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุมีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ด้านในมีพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) องค์ใหญ่เป็นพระประธานประดิษฐานบนฐานชุกชี สร้างด้วยอิฐถือปูนลงรักปิดทอง และยังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานบนฐานชุกชี สร้างด้วยอิฐถือปูนสร้างในสมัยพระยาหน่อคำเสถียรไชยสงคราม (พ.ศ. 2129) ให้ได้กราบไหว้บูชาอีกด้วย

อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว เราเดินทางขึ้นเขาไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เพื่อพักผ่อนและรับไอหมอกในยามเช้า ภูแห่งนี้อยู่ห่างจากจ.น่าน ประมาณ 85 กม. อุทยานแห่งชาติดอยภคู า เปน็ แหลง่ กำเนดิ ของหว้ ยน้ำลำธารอนั หลากหลายที่นำไปสู่ต้นกำเนิดแม่น้ำน่านที่มีความสำคัญทั้งทางธรรมชาตินิเวศวิทยา และประวัติศาสตร์โบราณที่เล่าถึงตำนานของคนเมืองน่านที่อาศัยอยู่นับแต่บรรพกาล

อุทยานแห่งชาติดอยภูคาแห่งนี้อยู่สูงจากระดบั น้ำทะเล 1,980 เมตร หรอื ประมาณ 5,300ฟุต มีพื้นที่ประมาณ 1,680 ตร.กม. หรือ1,050,000 ไร่ ครอบคลุมท้องที่ อ.ปัว เชียงกลางทุ่งช้าง แม่จริม ท่าวังผา สันติสุข และบ่อเกลือด้วยลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อนสวยงามมาก มีสภาพป่าดิบเขา ป่าดิบชื้นป่าดิบแล้ง ป่าสน ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณป่าปาล์มดงดิบ อันอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีถ้ำน้ำตก และทิวทัศน์อันงดงาม จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างมาเที่ยวยามเมื่อลมหนาวมาเยือน

ชีวิตเบิกบานสดใสขึ้นอีกเป็นกอง ตั้งใจกันไว้ว่าถ้าเมื่อใดที่ชีวิตอิดโรย ไร้เรี่ยวแรงเราจะมาชาร์จพลังที่นี่กันอีกครั้ง ลาก่อนน่านที่รัก

ข่าวล่าสุด

'นิวยอร์ก' คุมโซเชียล บังคับขึ้นคำเตือนอันตรายต่อสุขภาพจิตเยาวชน