ก้าวสุดท้าย ณ ป้อมมหากาฬ
ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้เดินเที่ยวในชุมชน “ป้อมมหากาฬ” หลังจาก กทม. มีประกาศจะรื้อย้าย
โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ ศรัณยู นกแก้ว
ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้เดินเที่ยวในชุมชน “ป้อมมหากาฬ” หลังจาก กทม. มีประกาศจะรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายในสิ้นเดือนนี้ โครงการกรุงเทพฯ เดินเที่ยว ภายใต้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงจัดทริป “เดิน” ป้อมมหากาฬเพื่อให้ใครก็ตามที่เสิร์ชแฮชแท็ก #walkingbkk ไปตามรอย หนึ่งในนั้นคือ ศรันยู นกแก้ว นักเขียนประจำนิตยสารโลนลี่
แพลนเน็ต ฉบับภาษาไทย ที่ได้มาเล่าประสบการณ์และรีวิวเส้นทางก่อนจะกลายเป็นอดีตสายนี้
จุดเริ่มต้นอยู่บนถนนความอร่อยที่ร้านขนมจีนไหหลำ สุธาทิพย์ ตั้งอยู่ในอาคารเก่าติดกำแพงทางเข้าวัดสระเกศ จุดเด่นอยู่ที่ขนมจีนเส้นใหญ่เสิร์ฟคู่เนื้อตุ๋น มีให้เลือกทั้งแบบน้ำและแห้ง กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดเป็นกะปิไทยปรุงรสด้วยน้ำส้มดองให้รสชาติเปรี้ยวเผ็ดถึงใจ ในร้านยังมีทีเด็ดด้วย เหล้าโรง และสตูลิ้นวัว ที่เป็นสตูเนื้อสูตรน้ำแดงรสมือแม่ที่คนไม่กินลิ้ววัวยังต้องหลีกทางให้ ร้านสุธาทิพย์ตั้งอยู่บนถนนดำรงรักษ์ เชิงสะพานนริศดำรัส เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00-15.00 น.
จากขนมจีนสามารถเดินเข้าซอยย่านโรงไม้ออกมายังสะพานผ่านฟ้าบนถนนราชดำเนินกลาง โดยสองข้างทางของตรอกเต็มไปด้วยร้านขายไม้ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ และอุปกรณ์งานไม้ต่างๆ แต่ละร้านจะมีหน้าร้านเล็กขนาดหนึ่งคูหา ทว่าด้านในกลับเซอร์ไพรส์ด้วยโรงเลื่อยขนาดใหญ่ที่พร้อมทำงานประเภทเทเลอร์เมดให้ลูกค้าได้ทันที
สุดถนนตรอกโรงไม้ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าสู่สะพานผ่านฟ้ามีหนึ่งสิ่งที่จะพลาดไม่ได้ คือ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ในอาคารสีเขียวทรงโคโรเนียล ความน่าสนใจอยู่ที่เนื้อหาจัดแสดงด้วยพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ตั้งแต่ประทับอยู่ที่เมืองไทย สละราชสมบัติ และเสด็จไปประทับ ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจริงนอกตำราเรียน รวมทั้งมีภาพถ่ายที่หลายคนไม่เคยเห็นมาก่อน พิพิธภัณฑ์เปิดบริการ เวลา 09.00-16.00 น. แต่ขณะนี้ทางพิพิธภัณฑ์กำลังปิดปรับปรุงและจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 22 พ.ค. 2559
จากพิพิธภัณฑ์เดินข้ามสะพานผ่านฟ้าจะพบกับพระเอกที่คนเมืองกรุงต่างคุ้นตาที่ ป้อมมหากาฬ 1 ใน 2 ป้อมที่ยังหลงเหลือจากการขยายกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อครบรอบ 100 ปี เดิมทีป้อมรอบเขตเมืองเก่ามีถึง 14 ป้อม ตั้งอยู่บนแนวกำแพงเมือง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแนวกำแพงป้อมมหากาฬเท่านั้นที่ยังคงสภาพของอิฐเก่าแบบโบราณและเป็นแนวกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดที่หลงเหลือให้ลูกหลานได้ชื่นชม
เบื้องหลังป้อมมหากาฬ คือ อีกความลับของกรุงเทพฯ บรรดาบ้านเรือนเบียดเสียดกว่า 300 ชีวิตในบ้านไม้สมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 รวมทั้งบ้านอดีตตำรวจวังที่สร้างจากไม้สักทองเป็นประหนึ่งภาพอดีตที่ยังมีชีวิต ชุมชนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ของโรงลิเกพระยาเพชรปราณี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิกลิเกแห่งแรกในเขตพระนคร มีมหรสพและดนตรี มีคนทำพลุและวงกลองยาวพื้นบ้าน รวมถึงมีช่างทำกรงนกหัวจุกที่อพยพมาจากภาคใต้และยังยึดอาชีพนี้จนถึงปัจจุบัน
จากนั้นเดินตรงมาตามถนนมหาไชย ด้านขวามือจะเป็นที่ตั้งของ วัดเทพธิดาราม ซึ่งชื่อวัดปรากฏอยู่ในบทหนึ่งของรำพันพิลาปโดยสุนทรภู่ อันซีนของวัดนี้ที่หลายคนไม่เคยรู้คือรูปปั้นของเหล่าภิกษุณีหล่อด้วยดีบุก ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร จำนวน 52 องค์ ความแปลกคือรูปปั้นภิกษุณีแต่ละองค์มีอากัปกิริยาแตกต่างกันออกไป บ้างฉันหมาก บ้างหยิบผ้าเช็ดปาก บ้างตะบันหมาก และถ้าเลยเข้าไปด้านหลังพระวิหารจะพบกุฏิสุนทรภู่ ซึ่งท่านใช้จำพรรษาในปี 2385 ภายในกุฏิมีรูปหล่อครึ่งตัวของท่าน พร้อมข้าวของเครื่องใช้ขณะบวชเป็นภิกษุ ซึ่งทุกวันที่ 26 มิ.ย.จะมีการจัดงานรำลึกสุนทรภู่ขึ้นที่นี่
ตรงข้ามวัดจะพบกับตำนานน้ำอบนางลอย อายุร่วม 90 ปี มีทั้งน้ำอบในขวดแบบเก่าและน้ำอบไทยรุ่นพรีเมียมบรรจุในขวดแก้วคริสตัลเหมาะสำหรับคลายร้อนและซื้อเป็นของฝาก ส่วนใครที่กำลังหมดแรง ใกล้กันมีผัดไทยประตูผีและอาหารสตรีทฟูดแบบไทยๆ ให้เลือกอิ่มท้องตั้งแต่เย็นไปจนดึกดื่น จากนั้นเมื่อเดินต่อไปยังสี่แยกเมรุปูน ซอยบ้านบาตร ที่นั่นเป็นชุมชนคนทำบาตรพระที่ย้ายถิ่นมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก จุดเด่นคือเป็นการทำบาตรด้วยมือทุกขั้นตอนและมีรอยต่อของแผ่นเหล็กให้ได้เห็น
จากบ้านบาตรไปไม่ไกลจะถึงตรอกเซี่ยงไฮ้ เป็นย่านทำเฟอร์นิเจอร์ไม้และโรงศพหลายเชื้อชาติ จากนั้นเดินทะลุตรอกแล้วเลี้ยวซ้ายออกไปจะไปบรรจบกับประตูทางเข้าวัดสระเกศ วัดสระเกศจะมีพิธีห่มผ้าแดงให้กับองค์เจดีย์ภูเขาทอง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนอายุ 700 ปีที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ และด้านบนยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกกลางกรุงเทพฯ ที่สวยที่สุดในฝั่งพระนคร อันเป็นภาพสุดท้ายส่งท้ายวันดีๆ ปิดฉากการเดินท่องกรุงเทพฯ ที่กำลังจะเปลี่ยนไปในอีกไม่นาน


